ข่าว

"บิ๊กโจ๊ก" เปิดปฏิบัติการตรวจเรือประมง แบบครบวงจร ตั้งเป้า 22 จว.ชายทะเล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กโจ๊ก" พร้อมกำลัง IUU Hunter จับมือกรมประมง กรมเจ้าท่า และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดปฏิบัติการตรวจเรือประมง-เครื่องมือ แบบครบวงจร ท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลาสมุทรปราการ เตรียมจะลุยตรวจ 22 จังหวัดชายทะเล

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ที่ท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลาสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. "บิ๊กโจ๊ก" ในฐานะประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมง IUU เป็นประธานในการเปิดปฏิบัติการการตรวจเครื่องมือประมงแบบบูรณาการ เพื่อประกอบการออกใบอนุญาตประมงพาณิชย์ รอบปี พ.ศ. 2565-2567 โดยมีหน่วยงานเข้าร่วมประกอบด้วย กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)

 

"บิ๊กโจ๊ก" เปิดปฏิบัติการตรวจเรือประมง แบบครบวงจร ตั้งเป้า 22 จว.ชายทะเล

 

ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ได้กำหนดให้เรือประมงพาณิชย์ที่จะออกทำการประมงต้องมีใบอนุญาตจากกรมประมง คราวละ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 31มีนาคม ของแต่ละรอบ โดยได้ปฏิบัติสืบเนื่องกันมา 3 ครั้งแล้ว ได้แก่ ช่วงปี 2559 – 2561 ช่วงปี 2561 - 2563 และช่วงปี 2563 - 2565 โดยที่ใบอนุญาตทำการประมงกำลังจะสิ้นสุดอายุลงในวันที่ 31 มีนาคม 2565 เจ้าของเรือประมงพาณิชย์จึงต้องยื่นขอใบอนุญาตรอบใหม่ (2565 – 2567) ซึ่งกรมประมงจะต้องออกใบอนุญาตให้ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565
 

ในการยื่นขอใบอนุญาตทำการประมงดังกล่าว ปกติกรมประมง จะดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานเครื่องมือประมง และจัดเก็บข้อมูลเรือประมงทุกลำ แต่ยังมีข้อมูลบางประการ ที่ต้องการความรู้ ความชำนาญ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มาร่วมเติมเต็มให้ระบบตรวจสอบ ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมง ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น 

 

ดังนั้น ในการขอรับใบอนุญาตทำการประมงของเรือประมงพาณิชย์ครั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้ประสานงานให้บูรณาการการตรวจเรือประมงพาณิชย์ จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งระบบ ครบวงจร โดยกรมประมงรับผิดชอบการตรวจมาตรฐานเครื่องมือประมง  กรมเจ้าท่ารับผิดชอบการตรวจ  อัตลักษณ์เรือประมง และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รับผิดชอบการตรวจเรือประมง เพื่อส่งเสริมให้แรงงานบนเรือประมงมีสภาพการทำงานที่สอดคล้องตามกฎหมาย ว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน 

 

"บิ๊กโจ๊ก" เปิดปฏิบัติการตรวจเรือประมง แบบครบวงจร ตั้งเป้า 22 จว.ชายทะเล

 

ยิ่งไปกว่านั้น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ยังได้จัดชุดปฏิบัติการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือหน่วย "IUU Hunter" เข้าร่วมการตรวจเรือประมงในครั้งนี้ด้วย เพื่อยกระดับการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (Monitoring Control and Surveillance : MCS) ให้การประมงไทย ปราศจากการประมง IUU ปราศจากแรงงานบังคับ ปราศจากการค้ามนุษย์ อย่างแท้จริง โดยดำเนินการตรวจเรือประมงพาณิชย์กว่า 10,000 ลำ ที่จะขอรับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2565นี้ ซึ่งพี่น้องชาวเรือประมงพาณิชย์ทุกท่านสามารถนัดหมายเข้าทำการตรวจได้ที่ ศูนย์แจ้งเข้าออกเรือประมง (PIPO) หรือสำนักงานประมงจังหวัดทุกแห่ง
 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า การบูรณาการตรวจเรือประมง ทั้งระบบในครั้งนี้ เป็นปฏิบัติการยกระดับประสิทธิภาพการตรวจสอบ ติดตาม และเฝ้าระวังการทำประมง (MCS) ของประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่บทบาท "ผู้นำการต่อต้านประมง IUU ในภูมิภาคอาเซียน" นอกจากนั้นยังเป็นการขับเคลื่อนให้เห็นถึงความพยายามของประเทศไทยอย่างเต็มที่ ในการบังคับใช้กฎหมาย ปรับปรุงระบบการทำงาน เพิ่มพูนความรู้ความสามารถของเจ้าหน้าที่ และประสานความร่วมมือจากพี่น้องชาวประมง เพื่อเลื่อนอันดับการค้ามนุษย์จาก Tier 2 Watchlist  เป็น Tier 2

 

 

"ผมได้จัดกำลังชุดปฏิบัติการ IUU Hunter จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวนกว่า 100 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการตรวจครั้งนี้ด้วย เจ้าหน้าที่ชุด IUU Hunter จะลงพื้นที่ทุกจุดตรวจใน 22 จังหวัดชายทะเล ร่วมกับ กรมประมง กรมเจ้าท่า และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และจากการที่ผมกำลังรื้อฟื้นการสืบสวนสอบสวน ทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับกรณีลูกเรือประมงตกน้ำสูญหาย 231 ราย ในรอบ 2 ปี ซึ่งเป็นที่จับตามองของภาคประชาสังคม เพื่อทำความกระจ่างให้เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ความสูญเสียที่ผ่านมา" 

 

ครั้งนี้ จึงได้จัดให้มีการตรวจดังกล่าว เพื่อส่งเสริมมาตรฐานความปลอดภัย และอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานบนเรือประมง ขึ้นเป็นครั้งแรกของภูมิภาคอาเซียน เพื่อแสดงความมุ่งมั่น ตั้งใจของประเทศไทย ที่จะแก้ไขปัญหา และกำหนดมาตรการส่งเสริม ป้องกัน มิให้เกิดเหตุขึ้นต่อไปในอนาคต แต่หากมีเหตุเกิดขึ้น การบังคับใช้กฎหมาย จะมีความเป็นระบบ ชัดเจน สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งเพิ่มความรวดเร็วในการเยียวยาความเสียหายให้กับครอบครัว หรือญาติมิตร ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งมั่นใจว่า นี่คือการทำงานตามมาตรฐานสากล

 

"ในการตรวจครั้งนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคน อำนวยความสะดวก ให้กับพี่น้องชาวประมง ดำเนินการตรวจให้รวดเร็ว คล่องแคล่ว ว่องไว เรือที่ผ่านการตรวจจะได้รับเครื่องหมายติดไว้บริเวณหน้าเก๋ง เป็นสัญลักษณ์ว่า เรือประมงลำนี้มีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะทำการประมงอย่างยั่งยืน สามารถเข้าถึงนโยบายการสนับสนุนต่าง ๆ จากภาครัฐที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว 

 
 

 

logoline