ข่าว

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ประกาศ "ปิดอ่าวไทย" ประจำปี 2565

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประกาศ "ปิดอ่าวไทย" ตามมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำปี 2565 ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระหว่าง 15 ก.พ. – 15 พ.ค. นี้ และกำหนดพื้นที่ควบคุมต่อเนื่อง 16 พ.ค. – 14 มิ.ย. บริเวณอ่าวประจวบฯ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ทะเลอ่าวไทย ปี 2565 (ปิดอ่าวไทย) และพิธีบวงสรวง พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พร้อมปล่อยขบวนเรือเจ้าหน้าที่เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่ในช่วงประกาศใช้มาตรการ ณ ชายทะเลอ่าวประจวบคีรีขันธ์ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า

จากการศึกษาวิจัยของกรมประมงพบว่า ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายนของทุกปี พื้นที่ทะเลอ่าวไทยบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ของสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจหลายชนิด โดยเฉพาะปลาทู ได้อาศัยเป็นแหล่งวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ประกาศ "ปิดอ่าวไทย" ประจำปี 2565

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง จึงได้กำหนดมาตรการเพื่อให้การใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำ มีความสมดุลกับศักยภาพการผลิตของธรรมชาติ และมีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน กำหนดให้ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ - 14 มิถุนายนของทุกปี ห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมงในพื้นที่ทะเลอ่าวไทยบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และกำหนดพื้นที่ควบคุมต่อเนื่องจากมาตรการปิดอ่าวฯ ตั้งแต่ วันที่ 16 พฤษภาคม - วันที่ 14 มิถุนายนของทุกปี บริเวณพื้นที่อ่าวประจวบฯ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวต่อไปว่า จากมาตรการในปีที่ผ่านมา พบว่าพ่อ – แม่พันธุ์ปลาทู มีความสมบูรณ์เพศ และมีการแพร่กระจายของลูกปลาทูและสัตว์น้ำเศรษฐกิจอื่น ๆ ในพื้นที่ที่ประกาศใช้มาตรการ และพื้นที่อ่าวไทยบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเปรียบเทียบองค์ประกอบของลูกปลาทูและสัตว์น้ำชนิดอื่นพบว่า ระยะเวลาและพื้นที่บังคับใช้มาตรการ สอดคล้องกับการเลี้ยงตัวของสัตว์น้ำขนาดเล็ก แสดงให้เห็นว่า ปลาเริ่มเคลื่อนย้ายเข้าสู่อ่าวไทยรูปตัว ก เป็นแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนที่สำคัญ

ด้าน นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่ปี 2496 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการปรับปรุงแก้ไขมาเป็นระยะ ปัจจุบันเป็นมาตรการที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 70 และได้กำหนดระยะเวลาและพื้นที่ เป็น 2 ระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 พื้นที่ทะเลอ่าวไทย ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครอบคลุมพื้นที่ในทะเล 27,000 ตารางกิโลเมตร ระยะเวลาห้ามทำการประมง ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม ของทุกปี

ระยะที่ 2 พื้นที่อ่าวไทยตามระยะที่ 1 ปรับลดลงมาให้คงห้ามทำการประมงในระยะใกล้ฝั่ง ซึ่งเป็นแหล่งสัตว์น้ำวัยอ่อนอพยพไปยังพื้นที่เลี้ยงตัวอ่อนในอ่าวไทยตอนใน ครอบคลุมพื้นที่ 5,300 ตารางกิโลเมตร และกำหนดห้ามทำการประมงเพิ่มเติมในพื้นที่ตั้งแต่เขาม่องไล่ ไปทางทิศเหนือ จรดอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครอบคลุมพื้นที่ 2,900 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ถึงวันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปี ในพื้นที่และห้วงเวลาที่กำหนดห้ามมิให้ทำการประมง เว้นแต่เป็นการใช้เครื่องมือบางชนิด ตามที่ระบุไว้ในประกาศเท่านั้น ที่จะใช้ทำการประมงได้

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ประกาศ "ปิดอ่าวไทย" ประจำปี 2565

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังมอบหนังสือรับรองมาตรฐานการทำประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืนให้แก่ชาวประมงพื้นบ้าน จำนวน 8 ราย มอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน และมอบพันธุ์กุ้งก้ามกราม 700,000 ตัว ให้ผู้นำชุมชน นำไปปล่อยเพื่อเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำธรรมชาติ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน ณ แม่น้ำปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่ง ได้แก่ กุ้งกุลาดำ 100,000 ตัว , กุ้งแชบ๊วย 100,000 ตัว และปลากะพงขาว 20,000 ตัว ลงในอ่าวประจวบคีรีขันธ์ 

จากนั้นได้เปิดโครงการกระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภค (Fisherman Market) ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้าน และชาวประมงในพื้นที่จังหวัดชายทะเลทั้ง 23 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการกระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภค โดยเปิดช่องทางการตลาด พร้อมสนับสนุนพัฒนาทักษะการขาย การแปรรูป และการบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการประกอบอาชีพให้เกิดความมั่นคงในระยะยาวต่อไป

โดยกรมประมงได้เปิดตลาด Fisherman Market ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ เพื่อให้ชาวประมงพื้นบ้านนำสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำคุณภาพดี มีมาตรฐาน มาจำหน่าย ซึ่งสินค้าจะหมุนเวียนกันไปแต่ละสัปดาห์  ทั้งนี้ภายในตลาด Fisherman Market  มีเกษตรกรและชาวประมงพื้นบ้าน นำสินค้ามาจำหน่าย กว่า 30 ร้าน อาทิ ร้าน Seafood สด ๆ เช่น หอยนางรม ปูม้า หอยแมลงภู่ ปลาทะเล ปลาทราย ฯลฯ จากกลุ่มประมงพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น หมึกแห้ง ปลาอินทรีย์แดดเดียว ปลาเค็ม กะปิ น้ำพริกปูม้า หอยแมลงภูดอง ปลากะตักทอดกรอบ กุ้งหวาน หมึกกะตอย กุ้งแห้ง ห่อหมกทะเล เป็นต้น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ