วัดบางหญ้าแพรก สมุทรปราการ บรรยากาศเงียบเหงา หลัง "หมอปลา" นำสื่อบุกกุฏิจับ "เจ้าอาวาสมั่วสีกา" ขณะ ผกก.สำโรงใต้ แจงหลังสอบปากคำไม่พบเข้าข่ายความผิดอาญา จึงต้องปล่อยตัวไป
10 ก.พ.2565 หลังจากที่ช่วงค่ำ วานนี้ ( 9 ก.พ..65) นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา นำทัพสื่อมวลชนบุกกุฎิ เจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ หลังมีการร้องเรียนว่ามีสีกาเข้ามาภายในกุฏิเจ้าอาวาส และพบตัวหญิงสาวซ่อนตัวใต้บันไดทางขึ้นชั้นสองของกุฎิจนกลายเป็นข่าวใหญ่
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปวัดบางหญ้าแพรก อีกครั้ง พบว่าบรรยากาศภายในวัดเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงชาวบ้านบางส่วนที่จับกลุ่มพูดคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ ขณะที่กุฎิของอดีตเจ้าอาวาส พบว่าปิดเงียบ โดยมีรายงานว่าหลังจากที่ ทางอดีตเจ้าอาวาสยอมสึกจากการเป็นสมเพศแล้ว ได้หายตัวออกจากวัดไปทันที โดยยังไม่กลับเข้ามาที่วัดแต่อย่างใดคาดว่าน่าจะหลบหนี ไปที่บ้านญาติที่ย่านบางพลี
ขณะที่ พ.ต.อ.จักรพงศ์ นุชผดุง ผู้กำกับการ สภ.สำโรงใต้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ ระบุว่า หลังจากเชิญตัว นายสมุทร อดีตเจ้าอาวาส มาสอบปากคำ ในชั้นสอบสวนไม่พบความผิดทางคดีอาญา และยังไม่มีผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิง หรือ สีกา เข้ามาแจ้งความแต่อย่างใด จึงต้องปล่อยตัวไปเนื่องจากไม่พบความผิดในชั้นสอบสวน เบื้องต้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ให้การรับสารภาพแต่อย่างใด แต่จำนนด้วยหลักฐานตามที่ปรากฏตามสื่อ ขณะฝ่ายตัวผู้หญิงที่พบในกุฏิเจ้าอาวาสก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรต่อพนักงานสอบสวนหลัง เกิดเหตุทำได้แค่นำตัวมาที่โรงพักเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น
ด้านนาย สมศักดิ์ ประสมสิน หนึ่งในกรรมการของทางวัด เปิดเผยว่า สำหรับอดีตเจ้าอาวาสรูปนี้ ยอมรับว่ามีเรื่องเกี่ยวกับสีกาทำนองนี้มีมานานแล้วแต่ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าพูดหรือเอาเรื่องแต่อย่างใด จนกระทั่งมาเกิดเรื่องเมื่อคืนนี้ ในส่วนตัวรู้สึกดีใจที่เรื่องนี้แดงขึ้นมา ส่วนอดีตเจ้าอาวาสคนนี้ เป็นคนในพื้นที่และบวชมาแล้วกว่า 20 พรรษา และเพิ่งมาดำรงตำแหน่งได้เพียง 7-8พรรษาเท่านั้น โดยนิสัยอดีตเจ้าอาวาสรูปนี้ ตั้งแต่ยังไม่เป็นสมณเพศจะมีนิสัยใจคอพูดจากโพงผาง วางตัวไม่เหมาะสม การเกิดเรื่องครั้งนี้ตนเองมองว่าเป็นเพราะกฎแห่งกรรมที่ทำไว้ คือทำอย่างไรก็จะได้เช่นนั้น
ขณะที่ พระ วิรุณ ธนะสุวรรณโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก ได้กล่าวว่า ในเรื่องของการแต่งตั้งเจ้าอาวาสนั้น จะต้องรอการประชุมจากพระผู้ใหญ่และกรรมการวัดอีกครั้ง เมื่อถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ในมุมของอาตมาเจ้าอาวาสรูปนี้มองว่า จำนนด้วยหลักฐานตามที่ปรากฏตามสื่อ ส่วนตัวเท่าที่เห็นนั้นเขาเป็นคนปากร้ายแต่ก็มีบ้างที่ใจดี ส่วนเรื่องสีกานั้นตนไม่ได้รู้เห็นมาก่อน ส่วนประเด็นที่สังคมมองว่าทางวัดมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย นั้น ที่ผ่านมาก็เคยมีการพูดคุยในเรื่องนี้มาบ้างแล้ว
ขณะที่พระลูกท่านหนึ่งซึ่งบวชที่วัดแห่งนี้มาแล้วถึง 18 พรรษา ออกมาให้ข้อมูลถึงความผิดและกฎวินัยสงฆ์ ซึ่งขณะบวชเข้ามาเป็นสมณเพศย่อมรู้กฎวินัยข้อห้าม 4 ข้ออยู่แล้วคือ 1.เสพเมถุน 2.ลักทรัพย์ 3.อวดอุตาริที่ไม่มีในตัว และ4.การฆ่ามนุษย์ ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางอดีตเจข้าอาวาสนั้น ถือเป็นเรื่องที่หนักกว่า ปราชิก คือ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เสพเมถุน แต่การที่มีสีกาเข้าไปอยู่สองต่อสองในกุฎิหรือในที่กำบัง ตามวินัยแล้วถือเป็นเรื่องของโลกกะวัชชะ คือโลกติเตียน หรือชาวบ้านติเตียน ต้องยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นและลาสิขา พ้นจากสมณเพส การบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ต้องมีวินัย สำรวจกายวาใจ และประพฤติตนตามวินัยสงฆ์ ให้ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทรา
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ ผู้สื่อข่าว จ.สมุทรปราการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง