ข่าว

ตร.สระบุรี คุม "เบิ้ม" โจรบุกเดี่ยว "จี้ชิงทรัพย์" ทำแผนก่อนส่งฝากขัง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจสระบุรีคุม "เบิ้ม" ผู้ต้องหา บุกเดี่ยว "จี้ชิงทรัพย์" ธนาคารไทยพาณิชย์ หินกอง ก่อนโดนรวบคาบ้านพัก เจ้าตัวจำนวนต่อหลักฐาน แต่อ้างว่าเงินที่ได้ไม่ถึง 2 แสนบาท ตามที่เป็นข่าว

9 ก.พ. 2565  จากกรณีคนร้าย เป็นชายสูงประมาณ 180 ซม. ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า PCX สีขาว - เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ ใส่ถุงมือสีขาว สวมกางเกงยีนส์ สวมหมวกันน็อก แบบเต็มใบปิดบังใบหน้า  ก่อเหตุ จี้ชิงเงิน ภายในธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหินกอง ริมถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพฯ ก่อนเข้าก่อเหตุ คนร้าย ยังได้พูดข่มขู่พนักงานรักษาความปลอดภัย ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณประตูหน้าธนาคาร โดยบอกให้อยู่เฉย ๆ อย่ายุ่ง  

 

จากนั้นคนร้ายได้วิ่งเข้าไปในธนาคาร ตรงไปที่หน้าเคาน์เตอร์ บังคับให้พนักงานธนาคารหยิบเงินใส่ถุงที่เตรียมมา โดยได้เงินประมาณ 210,000 บาท จากนั้นได้วิ่งหนีออกจากธนาคาร แต่ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัย ใช้เหล็กขาตั้งเจลแอลกอฮอล์ ขัดขวางประตูไว้ ทำให้คนร้ายต้องออกแรง กระชากประตูจนเหล็กที่ขัดขาวงไว้กับประตูเลื่อนหลุด ก่อนวิ่งหนี และขี่จักรยานยนต์มุ่งหน้าไปทางถนน สุวรรณศร- วิหารแดง ซึ่งจากการก่อเหตุครั้งนี้คนร้ายใช้เวลาเพียง 2 นาทีเท่านั้น โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.พ.65 เวลา 10.10 น 

 

ตร.สระบุรี คุม "เบิ้ม" โจรบุกเดี่ยว "จี้ชิงทรัพย์" ทำแผนก่อนส่งฝากขัง

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน ภ.จว.สระบุรี สืบสวน สภ.หนองแค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 เข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมตรวจกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายที่ก่อเหตุใช้หลบหนี จากนั้นได้กระจายกำลังกันติดตามตัวคนร้าย พร้อมกับตั้งรางวัล นำจับ เป็นเงิน 10,000 บาท สำหรับประชาชนที่ชี้เบาะแสคนร้าย จนนำไปสู่การจับกุม โดยมีประชาชนแจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นจำนวนมาก

 

 

ตร.สระบุรี คุม "เบิ้ม" โจรบุกเดี่ยว "จี้ชิงทรัพย์" ทำแผนก่อนส่งฝากขัง

 

 

ต่อมา เจ้าหน้าที่สามารถทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงเงินในธนาคารไทยพาณิชย์ คือ นาย วีระชัย  หรือเบิ้ม อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้น บ้านพัก ในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งพบหลักฐานรถจักรยานยนต์ ที่ใช้ในการก่อเหตุ ตรงตามภาพในกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งชุดเสื้อผ้า และหมวกกันน็อก ที่นาย วีระชัย นำไปซุกไว้ภายในโอ่งที่อยู่ในบ้าน เบื้องต้น นายวีระชัย ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวนาย วีระชัย ส่งพนักงานสอบสวนสอบเค้น ยืนยันว่ามีหลักฐานจากผลการตรวจ ดีเอ็นเอ จนนาย วีระชัย ยอมรับสารภาพ คนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงเงินในธนาคารเป็นตนเอง โดยก่อเหตุเพียงคนเดียว

 

ส่วนเงินที่ได้มาตนแอบซ่อนไว้ที่ใต้ที่นอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่ามีเงินเหลือเพียง 7,580  บาท โดยนายวีระชัย อ้างว่าได้เงินมาเพียงเท่านี้ ไม่ใช่ 2 แสนตามที่เป็นข่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์โดยอำพรางใบหน้า” มีโทษจำคุก 5-10 ปี 

 

ตร.สระบุรี คุม "เบิ้ม" โจรบุกเดี่ยว "จี้ชิงทรัพย์" ทำแผนก่อนส่งฝากขัง

 

 

ล่าสุด วันนี้ พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พร้อมด้วย  พ.ต.ท. ชนันธร คำเกษ   ร้อยเวรสภ.หินกอง สาขาย่อย อ.หนองแค  (เจ้าของคดี)  และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สอบสวน ได้ควบคุมตัว นาย วีระชัย หรือเบิ้ม อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ธนาคาร ที่เกิดเหตุ  โดยจุดแรกที่นายวีระชัย จอดรถ จากนั้นได้ผลักประตูเข้าไป ก่อนที่จะบังคับข่มขู่ให้พนักงานธนาคารหยิบเงินใส่ถุงให้ จากนั้นได้วิ่งออกจากธนาคาร แต่ถูกทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ของธนาคาร เอ เหล็กขาตั้งกดเจลแอลกอฮอล์ ขัดล็อกประตูไว้ โดยนาย วีระชัย ได้ดันประตูจนออกมาได้ และขึ้นขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวนายวีระชัยกลับไปสภ.หนองแค จ.สระบุรี  เพื่อไปสอบปากคำเพิ่มเติม  และเย็นนี้คาดว่าน่าจะส่งฝากขังศาลจังหวัดสระบุรีต่อไป 

 

 

ทางด้าน  พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี เปิดเผยว่า  เรื่องเงินที่ไปเจอที่บ้านพักของผู้ต้องหา แต่ไม่ทราบว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่  ซึ่งตอนนี้กำลังสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่  และทางธนาคารจะดูรายละเอียดเรื่องตัวเลขที่แน่นอนอีกที คนร้ายยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง  เพราะหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด  และรับสารภาพของผู้ต้องหา เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏในธนาคาร  ภาพรถจักรยานยนต์ เสื้อผ้า ก็ชัดเจน  และตรวจดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือแฝง 

 


พ.ต.ท. ชนันธร คำเกษ   (เจ้าของคดี)  กล่าวว่า  ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ไม่มีอาวุธปืน  ส่วนเงินของกลาง ตอนนี้ผู้ต้องหายังปฎิเสธ ได้เพียงแค่บางส่วน  ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่าจะขอเก็บเงินบางส่วนไว้ใช้หลังจากพ้นโทษ  ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามสืบสวนเค้นเพื่อให้รู้ที่ซ่อนเงิน รวมถึงเบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกด้วย

 


  
เกียรติยง อัควราศี  ผู้สื่อข่าว จ.สระบุรี

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ