สาวร้องตำรวจตามจับตัวคนร้าย ขโมย "บัตร ATM" ของพ่อ ที่นอนป่วยในห้อง ICU กดเงินไป 4,500 บาท พร้อมทรัพย์สินบางส่วน ทั้งที่นอนหมดสติ และห้ามญาติเยี่ยม
9 ก.พ. 2565 นางวิไลวรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี พร้อมด้วย นางสาวจ๋า อายุ 40 ปื เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ยุทธพล บุญเกิด รอง สว.สอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังจากที่พ่อได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอบางละมุงแล้ว บัตร ATM ในกระเป๋าหายไป และมีการถอนเงินออกจากบัญชีไปจำนวน 4,500 บาท ทั้ง ๆ ที่พ่อนอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ รวมถึงธนบัตรเก่าสะสมของพ่อยังหายไปอีกด้วย
จากการสอบถาม นางวิไลวรรรณ (ลูกสาว) และ นางสาวจ๋า (หลานสาว) ทราบว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาบิดาได้เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล แห่งนี้ ด้วยอาการป่วยด้วยโรคประจำตัว โดยที่พ่อยังมีสติดีทุกอย่าง โดยพ่อจะมีกระเป๋าสตางค์โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องติดตัวไว้ ใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ รวมถึงมีเอกสาร เงินสดจำนวนหนึ่ง และธนบัตรเก่าสะสมอยู่อีกหลายใบ ซึ่ง บัตร ATM พ่อจะจดรหัสใส่กระดาษไว้ในซองบัตร หลังจากเข้าทำการรักษาตัวได้ 3 วัน พ่อมีอาการทรุดหนัก ทางโรงพยาบาลแจ้งมายังญาติ ว่าจะต้องนำพ่อเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู เมื่อวันที่ 28 ม.ค. โดยงดญาติเยี่ยมทุกกรณี หากทางญาติจะสอบถามอาการ หรืออยากเห็นพ่อ ก็จะให้โทรวิดีโอคอล ผ่านโทรศัพท์ของพ่อ ซึ่งทางพยาบาลเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินของพ่อไว้ทั้งหมด
ต่อมาในช่วงเที่ยง วานนี้ (8 ก.พ.65) โรงพยาบาล แจ้งกับญาติว่า พ่อเสียชีวิตแล้ว ให้ญาติมารับทรัพย์สินของพ่อคืน และทำเรื่องนำศพออกไปบำเพ็ญกุศล แต่เมื่อรับกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์กลับมาแล้ว พบว่าบัตร ATM ธนบัตรเก่าหลายใบ เงินสด ได้สูญหายไป อีกทั้งยังมีข้อความแจ้งเตือน การถอนเงินจำนวน 4,500 บาท ออกจากบัญชี เมื่อวันที่ 2 ม.ค. เวลา 18.15 น. ซึ่งเป็นวันที่พ่อนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียู และห้ามญาติเยี่ยม นอกจากนี้แอพลิเคชั่นธนาคารยังถูกลบทิ้งอีกด้วย
เบื้องต้นนางสาววิไลวรรณ (ลูกสาว) ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพี่อขอความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากแจ้งความแล้ว ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลที่พ่อเข้ารักษาตัว เพื่อสอบถามพยาบาลกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้รับการชี้แจงว่า ไม่ทราบว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งขณะที่พ่อตอนที่เข้ามาทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็มีการย้ายมาจากตึกหน้า ก่อนที่จะมารักษาตัวอยู่ที่ชั้น 5 ของตึกนี้ และพยาบาลเจ้าหน้าที่ก็มีการสลับเปลี่ยนเวรกันตลอด พร้อมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ ทางพยาบาลที่ประจำตึก ก็อยากรู้ว่าเป็นฝีมือใคร
ในส่วนของ นางสาววิไลวรรณ (ลูกสาว) ได้ชี้แจงกับทางพยาบาลโดยมั่นใจว่า ไม่มีญาติคนไหนที่จะมากระทำการเช่นนี้ได้ เนื่องจากตั้งแต่คุณพ่อเข้ามารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เป็นเวลา 14 วัน โรงพยาบาลไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยม กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ของพ่อ ทางพยาบาลก็เป็นผู้ดูแลเก็บรักษาไว้ แล้วมาเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร หากเป็นการกระทำของพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่คนใดคนหนึ่งในรพ.ดังกล่าวจริง ก็เป็นเรื่องที่เสื่อมเสียมาก หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคนไข้รายอื่นได้อีก
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งความไว้ พร้อมทั้งจะได้ทำเอกสารถึงธนาคารต้นสังกัด เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด จากวันและเวลาดังกล่าวที่มีการถอนเงินออกไปจากบัญชีผู้เสียชีวิต เพื่อจะได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว อนันต์ กิ่งสร / ทิวากร กฤษมณี ผู้สื่อข่าวคมชัดลึก ประจำ จ.ชลบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง