หนุ่มจอดรถ "ทางม้าลาย" ให้คุณป้าข้ามถนน ดวงซวย จยย.วิ่งเสยท้าย แถมถูกด่าซ้ำ

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพพร้อมบรรยายเหตุการณ์ ขณะที่จอดให้คนข้าม "ทางม้าลาย" แต่กลับถูกคู่กรณีขับรถจักรยานยนต์พุ่งชนท้าย มิหนำซ้ำยังถูกต่อว่า จากรถที่ขับตามมา จนเกิดการตั้งคำถามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารย์ในสังคมนั้น

ทั้งนี้ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายพีรจิต (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ผู้โพสต์ข้อความ ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสช่วงเวลา 08.20 น. ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อไปทำงาน โดยใช้ความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อขับรถผ่านมาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้า โรงเรียนกรพิทักษ์ศึกษา ซอยเพชรเกษม 69 ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีม้าลายหน้าโรงเรียน ซึ่งเห็นเป็นเด่นชัด 

ขณะที่ขับรถจักรยานยนต์ มาถึงบริเวณเกิดเหตุ เห็นคุณป้าท่านหนึ่ง กำลังยืนรออยู่บนฟุตปาธ  เพื่อที่จะข้ามถนน ตนเองเห็นดังนั้น จึงได้จอดรถจักรยานยนต์ เพื่อให้คุณป้าข้ามทางม้าลาย แต่ปรากฎว่า มีจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์ของคู่กรณี วิ่งมาชนท้ายอย่างเต็มแรง จนทำให้ร่างตนเอง ที่กำลังนั่งคล่อมรถจักรยานยนต์อยู่นั้น ต้องกระเด็นล้มกลิ้งออกจากตัวรถ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เคล็ดขัดยอกตามร่างกายเท่านั้น

นายพีรจิต เล่าถึงเหตุการณ์ระทึกที่เพิ่งเกิดขึ้นอีกว่า หลังจากที่ลุกขึ้นยืนได้ และพยายามตั้งสติ ก็เริ่มเก็บข้าวของที่ตกกระจายอยู่บนพื้นถนน แต่ก็มีรถจักรยานยนต์ อีกคันหนึ่ง ที่ขับเข้ามาในบริเวณจุดเกิดเหตุ ก่อนจะไปจอดที่ด้านหน้ารถของตน จากนั้นคนขี่รถคันดังกล่าวได้เดินลงมา และพูดตำหนิว่า "จอดทำไม" 

ทำให้ตนเองต้องตอบกลับไปว่า "จอดให้คนรอข้ามถนน" ชายที่พูดจาตำหนิตนเอง  จึงได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า "เขายังไม่ได้จะเดินข้ามถนนเลย เขาแค่ยืนรอ แล้วจะจอดทำไม จอดแบบนี้ เหมือนไม่ดูตาม้าตาเรือ คนอื่นจะซวยไปด้วย" 
 

เมื่อสิ้นเสียงของชายที่พูดจาตำหนิ ตนเองจึงได้ตอบกลับไปว่า "ถ้าไม่จอด คุณป้าเขาจะข้ามได้อย่างไร" แต่ชายคนดังกล่าว ก็พูดสวนกลับมาอีกว่า "เขาจะข้ามหรือยัง เขาแค่ยืนรอ" จนกระทั่งเกิดการโต้เถียงกันไปมา สุดท้ายตนเองจึงตัดสินใจ ไม่คุยกับชายคนดังกล่าวอีก เพราะคิดว่าถ้าพูดไป ก็คงคุยกันไม่รู้เรื่อง จากนั้นจึงต่างคนต่างแยกย้ายกันไป โดยที่เกิดคำถามตามมาว่า ต้องรอให้คุณป้า เขาก้าวขาลงพื้นถนนก่อน หรืออย่างไร คนขับรถจึงจะหยุดรถ ให้กับผู้ที่กำลังรอข้ามทางลายได้

นายพีรจิต กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัย ก็เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หนองแขม และประกัน เข้ามาดำเนินการ และได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่โรงพัก เพื่อตกลงและเคลียร์ปัญหากับทางคู่กรณี โดยขณะที่จอดรถให้ประกันถ่ายภาพ และกำลังเดินเข้า สน.

ทางคู่กรณีได้เดินเข้ามาหา พร้อมกล่าวว่า "หากแจ้งความ จะต้องจ่ายเงินค่าปรับคนละ 1 พันบาท" สร้างความงุนงงให้กับตนเองเป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงได้ถามกลับไปว่า "ทำไมต้องถูกปรับเงิน 1 พันบาท" ซึ่งฝ่ายคู่กรณี ก็ไม่ได้ตอบอะไร และต่างคนต่างเดินขึ้นไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนบนโรงพัก ซึ่งทางคู่กรณีก็ยอมรับผิดตลอดทุกข้อกล่าวหา ว่ากระทำความผิด ชนท้ายจริง ด้วยความประมาท จึงถูกปรับไป 400 บาท และทางประกันจะเรียกค่าเสียหายกับคู่กรณี โดยทางคู่กรณีเอง ก็ไม่ได้ว่าอะไร และไม่ได้แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวแต่อย่างใด ก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกย้ายกันกลับ

นายพีรจิต กล่าวอีกว่า ความรู้สึกขณะนั้นคือ การถูกชนตรงทางม้าลาย อาจเกิดจากความประมาท ความเคยชิน หรือ ตนอาจหยุดเร็วไป ก็ไม่ทราบได้ แต่การที่มีบุคคลที่สามเข้ามาตำหนิ ในการทำสิ่งที่ถูกต้อง และทำไมคู่กรณีต้องมีข้อเสนอ หลังการทำความผิด ความคิดเห็นส่วนตัว คู่กรณีรับสารแบบผิดหรือไม่ ในการกระทำความผิด แล้วมาต่อรอง ทำไมไม่ไปพิสูจน์กันตามหลักความเป็นจริง ส่วนตัวเมื่อเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง ทั้งการจอดให้คนข้ามถนน และถูกรถคันหลังบีบแตรใส่ หรือ จอดติดไฟแดง ไม่ยอมฝ่า ขวางรถคันอื่น ก็ถูกคนด่า จึงรู้สึกว่ามันมากไป

“สิ่งที่อยากฝาก คือการเปลี่ยนทัศนคติของสังคม ที่ถูกถ่ายทอดกันมา ปฏิบัติกันมาจนเกิดความเคยชินและคิดว่าถูก อาจไม่ถูกต้อง และ ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะหากมีคนทำผิด แต่กฎหมายไม่แข็งแรง คนพวกนี้ก็จะกลายเป็นส่วนใหญ่ในสังคม จนทำให้คนที่ทำดีกลายเป็นคนส่วนน้อย และไม่มีพลังเพียงพอ และไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยง ยืนยันจะปฏิบัติตามกฎหมายการขับขี่บนท้องถนนที่ดีเหมือนเดิม เพราะหากเหตุการณ์นี้คุณป้าก้าวขาลงมาบนถนนและตัวเองไม่หยุดให้ข้าม จนเกิดอุบัติเหตุ ก็จะเป็นตราบาปติดตัวไปจนตาย” นายพีรจิต กล่าว "ทางม้าลาย"