ข่าว

บอกลาวิจัยขึ้นหิ้ง อนุรักษ์ "ต้นชะโนด" ลดความเหลื่อมล้ำท้องถิ่นยั่งยืน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บอกลาวิจัยขึ้นหิ้ง นักวิจัยสวนสุนันทา สร้างงานวิจัยเชิงสังคมศาสตร์ อนุรักษ์ "ต้นชะโนด" จาก 700 ต้น ขยายพันธุ์เป็นกว่า 3,000 ต้น สร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ ชุมชนท้องถิ่นเติบโตแบบยั่งยืน

พื้นที่จังหวัดอุดรธานีมีความเป็นอัตลักษณ์ทั้งวัฒนธรรมประเพณี รวมถึงด้านภูมิศาสตร์ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง "ต้นชะโนด" และทะเลบัวแดงที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศโดยจำเป็นต้องอาศัยประชาชนในพื้นถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่พร้อมยกระดับในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสามารถสร้างรายได้ด้วยตนเองทำให้ 

 

ผศ.ดร.ภูสิทธ์ ภูคำชะโนด อาจารย์ประจำแขนงวิชาการจัดการพัฒนาสังคม ภาควิชาสังคมศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้เริ่มดำเนินการวิจัยการบริหารการพัฒนาอัตลักษณ์ “คำชะโนด” อนุรักษ์ “รุกขนาคา”เมืองอุดรธานีสู่การมีส่วนร่วมของประชาชนร้านค้าผลิตผลคนรากหญ้า อยู่ดีมี สุขลดความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืนโดยการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (กองทุนส่งเสริม ววน.)

 

ผศ.ดร.ภูสิทธ์ เล่าถึงที่มาของดำเนินงานวิจัยในครั้งนี้ว่ามาจากพื้นที่ของ คำชะโนด ซึ่งมีความเชื่อเรื่องพญานาคที่ได้รับการสืบทอดมาเป็นเวลานานมีวัฒนธรรมประเพณีที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะ

บอกลาวิจัยขึ้นหิ้ง อนุรักษ์ "ต้นชะโนด" ลดความเหลื่อมล้ำท้องถิ่นยั่งยืน

 

ขณะเดียวกัน คำชะโนด ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งนักท่องเที่ยวมีความศรัทธาต่อเจ้าปู่ศรีสุทโธ เจ้าย่าศรีปทุมมาเข้ากราบสักการะทุกปี

แต่งานวิจัยส่วนใหญ่จะเข้าไม่ถึงประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริงไม่มีงานวิจัยในมิติของคุณค่าวัฒนธรรม คติชนต่าง ๆส่วนใหญ่จะเป็นงานวิจัยเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หรือผลกระทบจากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นบริบทรอบนอกมากกว่ารวมถึงยังไม่มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์กับ “ต้นชะโนด” หรือ “รุกขนาคา” 

 

เหนืออื่นใด “ต้นชะโนด” หรือ “รุกขนาคา” เป็นต้นไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ด้วย จึงได้เริ่มต้นงานวิจัยเพื่ออนุรักษ์ ซึ่งก็เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2554 และขยายพันธุ์ “ต้นชะโนด” ด้วยการผูกองค์ประกอบกับความเชื่อของประชาชนในพื้นถิ่นเข้าไว้ด้วยกัน

 

เริ่มต้นจากการทำพิธีนำเมล็ดต้นชะโนดไปเพาะพันธุ์ไว้ จากนั้นจึงได้นำกลับมาปลูกในเกาะคำชะโนดอีกครั้ง พร้อมประกอบพิธีบวงสรวง

 

ว่ากันว่า พื้นที่กลับมาปลูกนั้นก็เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อในท้องถิ่น ผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้ไม่ถูกรบกวนจากภายนอก

บอกลาวิจัยขึ้นหิ้ง อนุรักษ์ "ต้นชะโนด" ลดความเหลื่อมล้ำท้องถิ่นยั่งยืน

 

ซึ่งล่าสุดในปี 2563ได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ นำ “ต้นชะโนด” ที่ได้รับการเพาะพันธุ์มาปลูกในเกาะคำชะโนดเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 700 ต้น ทำให้ตั้งแต่เริ่มต้นงานวิจัยจนถึงปัจจุบันมี “ต้นชะโนด” ที่ได้รับการปลูกในพื้นที่เหล่านี้แล้วทั้งสิ้นกว่า 3,028 ต้น

ผศ.ดร.ภูสิทธ์ เล่าอีกว่า นอกจากการเพาะพันธุ์ต้นชะโนดเพื่อนำมาปลูกแล้ว ยังได้ปรึกษาพูดคุยกับร้านค้าและประชาชนในท้องถิ่นนำของส่วนประกอบของต้นชะโนดมาประดิษฐ์เป็นบายศรีสู่ขวัญรูปพญานาค เพื่อในมาใช้ในพิธีบวงสรวงต่าง ๆเนื่องจากลักษณะใบมีเกล็ดคล้ายกับพญานาค ผู้คนต่างนำใช้เพื่อมาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธ์ใน เกาะคำชะโนด และมีความสวยงามอย่างมาก

บอกลาวิจัยขึ้นหิ้ง อนุรักษ์ "ต้นชะโนด" ลดความเหลื่อมล้ำท้องถิ่นยั่งยืน

 

"โดยสิ่งที่ต้องการจะต่อยอดคืออยากจะเพาะพันธุ์ต้นชะโนดให้มากขึ้นเพื่อนำมาปลูกในพื้นที่อื่นนอกเกาะคำชะโนดให้เป็นหนึ่งในพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์พืชของท้องถิ่นได้ต่อไป ขณะเดียวกันก็ได้มีงานวิจัยย่อย ลงพื้นที่ ทะเลบัวแดง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีความสวยงามแต่ยังมีจุดอ่อน" ผศ.ดร.ภูสิทธ์ เล่า

 

ด้านการรวมกลุ่มของประชาชนในท้องถิ่นเพื่อทำผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น ดังนั้นจึงได้ส่งเสริมให้ประชาชนรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อผลิตน้ำบัวแดง ขึ้นมา เพราะเป็นของที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อนและยังสามารถช่วยลดความกระหายแก่นักท่องเที่ยวได้อีกด้วย

ต้นชะโนด

 

ซึ่งสุดท้ายก็ได้เป็นสินค้าอัตลักษณ์ของท้องถิ่นเมื่อเดินทางมาถึงทะเลบัวแดงก็จะมีน้ำบัวแดงขายนอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์แล้วยังเป็นส่วนหนึ่งของการบ่งบอกประวัติศาสตร์ความเป็นมาของท้องถิ่นแห่งนี้ได้อีกด้วย

 

ทั้งนี้ จากโครงการดังกล่าวส่งผลให้เกิดการสร้างรายได้หมุนเวียนภายในชุมชนลดความเหลื่อมล้ำลงได้จากเดิมที่บ้านพักอาศัยของประชาชนเป็นบ้านไม้แต่กลับมีความเจริญมากขึ้นอย่างเห็นชัดช่วยลดความเหลื่อมล้ำสร้างความยั่งยืนทางสังคมได้มากกว่าเดิม

 

และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือประชาชนทั้งในพื้นที่ของเกาะคำชะโนด และ ทะเลบัวแดงเองต่างมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนที่พัฒนาท้องถิ่นและผลิตภัณฑ์ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของอัตลักษณ์ในสิ่งที่มีอยู่ทั้งต้นชะโนด บายศรีคำชะโนด หรือน้ำบัวแดง

 

“สุดท้ายสิ่งที่อยากฝากคือ การทำงานวิจัยไม่ได้มีเพียงแค่วิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียวแต่ต้องมีความเข้าใจถึงอัตลักษณ์ หรือด้านสังคมศาสตร์ด้วยเพื่อให้ได้ข้อมูลในท้องถิ่นนั้นอย่างรอบด้านและลึกซึ้งที่สุดจนนำมาสู่การพัฒนาท้องถิ่นได้” ผศ.ดร.ภูสิทธ์ กล่าวในที่สุด

logoline