อธิบดีกรมปศุสัตว์นำทีมค้นห้องเย็นใหญ่ จ.นครปฐม เจอ "เนื้อหมู" ไม่รู้ที่มาอีกกว่า 9 แสนกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าถึง 200 ล้านบาท
จากนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ กรมปศุสัตว์ และเครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรฯ , กองบังคับการปราบปราบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) , ผู้ว่าราชการจังหวัด , ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย , พาณิชย์จังหวัด , กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และตำรวจภูธรจังหวัด
เร่งตรวจสอบสต๊อกห้องเย็นทั่วประเทศ และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมแก้ปัญหาราคาเนื้อสุกรที่ปรับเพิ่มขึ้น
ล่าสุดวันนี้ (4 กุมภาพันธ์ 2565) นายสรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้นำทีมเข้าตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยตรวจสอบจำนวน เนื้อหมู และซากหมูทั้งหมดที่จัดเก็บในห้องเย็น , เอกสารใบเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ , ใบรับรองให้จำหน่ายเนื้อสัตว์ พบว่ามีการนำฝากซากสัตว์รวมที่จัดเก็บทั้งหมดจำนวน 1,047,600 กิโลกรัม เป็นเนื้อหมูและชิ้นส่วนหมูบริโภคได้จำนวน 747,600 กิโลกรัม เป็นกระดูกและน้ำมันสุกรจำนวน 300,000 กิโลกรัม จากบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ทุ่งพระเมรุและผู้ค้ารายอื่น ๆ
โดยบริษัทฯ สามารถนำเอกสารใบเคลื่อนย้ายฯ มาแสดงได้จำนวน 81,389 กิโลกรัม ส่วนเนื้อหมูและซากที่เหลืออีกจำนวน 966,211 กิโลกรัม ไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ รวมทั้งไม่พบเอกสารใบเคลื่อนย้ายฯ และใบรับรองให้จำหน่ายเนื้อสัตว์นั้น จึงได้อายัดและแจ้งข้อกล่าวหาตาม พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตาม พรบ.ควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 มีความผิดตามมาตรา 38 โทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับเนื้อหมูที่ถูกอายัดกว่า 9 แสนกิโลกรัมครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าถึง 200 ล้านบาท
สำหรับสรุปรายงานผลการตรวจสอบห้องเย็น (20 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2565) ผลการตรวจสอบห้องเย็นทั้งหมด พบการเก็บซากหมูในห้องเย็นรวม 24.3 ล้านกิโลกรัม ซึ่งผลจากการตรวจสอบห้องเย็นอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง มีการดำเนินการและบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด ทำให้ห้องเย็นเข้มงวดในการรับฝากสินค้า บริษัทผู้ฝากไม่กักตุนเพื่อประโยชน์ทางการค้า นำเนื้อหมูออกมาจำหน่ายตามปกติตามกลไกตลาด ส่งผลให้ขณะนี้ราคาหมูหน้าฟาร์มปรับลดราคาลง โดยล่าสุดขยับราคาลงมาที่ 100-104 บาทต่อกิโลกรัม ราคาค้าส่งห้างขายปลีก ลดลงมาที่ 160-166 บาทต่อกิโลกรัม และราคาขายปลีกสำหรับผู้บริโภคลงมาที่ 198-208 บาทต่อกิโลกรัม
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือพบการกระทำผิดด้านปศุสัตว์ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับข้อมูล หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน DLD 4.0 หรือ สายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง