ชาวบ้าน แจ้งจับ ผญบ. - ผู้ช่วย เชิดเงิน "กองทุนหมู่บ้าน" หนองน้ำขุ่น 1 ล้านบาท

นายภัพลพ สุ่ยหล้า อายุ 64 ปี ประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้าน บ้านหนองน้ำขุ่นเหนือ    ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น และ นางมริน แปน้อย อายุ 51 ปี  พร้อมด้วยกรรมการ กองทุนหมู่บ้าน บ้านหนองน้ำขุ่นเหนือ และสมาชิกอีกกว่า 10 ราย รวมตัวกันนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของคณะกรรมการเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เย็นเหลือ สว.สอบสวน สภ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ให้ทำการสืบสวนสอบสวนกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการกองทุนเงินล้านของหมู่บ้าน เพื่อให้นำเงิน กองทุนหมู่บ้าน ที่หายไป 1 ล้าน และดอกเบี้ย ที่ไม่นำส่งธนาคาร มาคืนและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

นายภัลลพ เปิดเผยว่า กองทุนเงินล้านของหมู่บ้าน เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 กองทุนแรก 2 ล้านบาท มีสมาชิกจำนวน 64 ราย ต่อมามีกองทุนที่ 2 จำนวน 1 ล้าน มีสมาชิกจำนวน 72 คน   มีคณะกรรมการกองทุนละ 13 คน เป็นผู้ดำเนินการเก็บเงินจากสมาชิกไปส่งคืนที่ ธกส.ปีละ 1 ครั้ง โดยแต่ละกองทุนก็จะมีสมาชิกยิมเงินไป แต่ยืมไปในจำนวนที่ไม่เท่ากัน โดยกองทุนเงิน 2 ล้านบาทนั้นธกส.เก็บดอกเบี้ยร้อยละ 5 บาทต่อไป แต่ทางคณะกรรมการเรียกเก็บกับสมาชิก ร้อยละ 8 บาทต่อไป ซึ่งสมาชิกก็ไม่ขัดข้อง เนื่องจากว่า เงินส่วนเกินนำมาใช้พัฒนาหมู่บ้านชุมชน และช่วยเหลือสังคม  

 

 

 

ส่วนกองทุนเงิน 1 ล้านบาทนั้น ปลอดดอกเบี้ยมา 2 ปี พอปีที่ 3 เรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 8 บาท ต่อมาในปี 2562คณะกรรมการ แจ้งว่า จะเก็บดอกเบี้ยจากสมาชิกทั้งสองกองทุนรวมกันเป็นร้อยละ 8 บาทต่อไป สมาชิกก็ยินยอม ต่อมาในปี 2563 กรรมการขอเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 9.50 บาทต่อปี และในปี 2564 คณะกรรมการขอเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 13 บาท สมาชิกมีการทักท้วงและเป็นช่วงที่รับแจ้งจาก ธกส.ว่า ในปี 2563 ทางกองทุนฯไม่ได้นำส่งดอกเบี้ยกับธนาคารเลย สมาชิกและประธานกองทุนฯ จึงได้ทำการตรวจสอบกับเหรัญญิกและเลขานุการกองทุนฯว่าทำไมไม่ส่งเงินให้ธนาคารพร้อมกับทำการตรวจสอบกับธกส. ซึ่งทั้งเหรัญญิกและเลขานุการ พากันตอบว่า ติดธุระ จึงไม่ได้นำส่ง และมีคนยืมเงินไปต่อแล้ว  พร้อมรับปากว่าจะดำเนินการเอาเงินส่งให้ธนาคารเอง

 

 

 

 

ขณะเดียวกันก็ได้ทำการตรวจสอบกับ ธกส.จนพบว่า ตัวเลขในเอกสารใบจัดสรรชำระหนี้ มีตัวเลขที่ไม่ตรงกัน โดยเอกสารที่ทางคณะกรรมการกองทุนให้กับสมาชิก ปรากฏในข้อมูลเมื่อวันที่1 ธันวาคม 2564 กองทุน1 ล้าน ไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีต้นเงินค้าง   แต่เมื่อตรวจสอบกับธกส.โดยตรงปรากฎตามเอกสารข้อมูลเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 มียอดดอกเบี้ย 37,066.48 บาท เท่ากับว่าเงินต้นยังคงอยู่ และมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาอีก รวมเป็น 1,036,834 .83 บาท  ส่วนกองทุนเงิน 2 ล้าน เงินต้นตรงกันคือและไม่ลดจำนวนลงทั้งที่สมาชิกจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้ทุกปี

 

 

 

 

นางมริน (สงวนนามสกุล)   อายุ 51 ปี  สมาชิกกองทุนเงินล้านของหมู่บ้าน กล่าวว่า มีความผิดปกติตั้งแต่ปี 2563 และปี 2564 เพราะกรรมการขอเก็บดอกเบี้ยเพิ่ม สมาชิกมีการท้วงติงเพราะดอกเบี้ยแพง ซึ่งคณะกรรมการกองทุนแจ้งว่า ธนาคารเรียกเก็บแพง จึงจำเป็นต้องเก็บดอกเบี้ยกกับสมาชิกแพงขึ้น ซึ่งสมาชิกจึงยังไม่จ่ายดอกเบี้ยให้ในปี 2563 แต่ขณะนั้นสมาชิกยังไม่เอะใจว่าเงินล้านหาย เพียงแต่มีสมาชิกบางคน ที่ใช้หนี้เงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยครบ แต่ยังมีชื่อในบัญชีลูกหนี้ของกองทุนเงินล้าน

 

 

เมื่อสอบถามกับคณะกรรมการกองทุน ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีปัญหา กระทั่ง ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของ ธกส.แจ้งมาว่า ปี 2563 คณะกรรมการกองทุนเงินบ้านไม่ส่งเงินเข้าธนาคาร สมาชิกกองทุนเงินล้านของหมู่บ้านจำนวน 136 รายที่ทราบเรื่องต่างก็ตกใจและพยายามหาข้อเท็จจริง จึงมีการตรวจสอบที่ธนาคาร  ซึ่งธนาคารแจ้งว่า ธนาคารเรียกเก็บดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด  ส่วนการส่งเงินให้ธนาคารก็ไม่ส่งตามกำหนด เพราะปี 2563  จึงขอเอกสารกับทางธนาคาร เพื่อนำมาพูดคุยกับทางคณะกรรมการกองทุน โดยเฉพาะเหรัญญิกกับเลขานุการ  ซึ่งเหรัญญิกกับเลขานุการ  แจ้งว่า ได้เก็บเงินจากสมาชิกจริง แต่ไม่ได้ส่งให้ธนาคาร  และจะขอรับผิดชอบเงินที่หายไป

นางมริน กล่าวอีกว่า เมื่อสมาชิกกองทุน ได้ยินคำตอบจากเหรัญญิกกับเลขานุการ   จึงทราบว่าเงินหนึ่งล้านบาทหายไป รวมทั้งดอกเบี้ยที่สมาชิกส่งให้ก็ไม่นำส่ง ธกส. จึงเชื่อว่ามีการทุจริต จึงรวมตัวกันนำเอกสารเพื่อเป็นหลักฐานในการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวน นำตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฏหมาย

 

 

ทางด้าน พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไทสงค์ ผกก.สภ.โนนศิลา  กล่าวว่า กรณีที่ชาวบ้านที่เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านเข้าแจ้งความ ร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ตำรวจดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินของสมาชิกไปแล้วไม่ส่งให้ธนาคาร รวมถึงการทำให้เงิน 1 ล้านบาทหายไปด้วยนั้น  ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ทำการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐาน หากพบคนทำผิดกฎจะแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

 

 

นิติกรณ์ ฝางมาลา จ.ขอนแก่น