"ปราบผีเปรต" แผลงฤทธิ์ ตำรวจยึดทรัพย์ "แก๊งไวยาวัจกร" วัดห้วยด้วน อีก 40 ล้าน

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจ บก.ปคม. ตำรวจ บก.รฟ. ตำรวจ บก.ปอท. ตำรวจ บก.ทล. รวมกว่า 60 นาย เปิดปฏิบัติการ "ปราบผีเปรต" ลุยค้น 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆของ "แก๊งไวยาวัจกร" เพิ่มเติม รวมถึง ตามอายัดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา ขบวนการทุจริตยักยอกเงิน วัดห้วยด้วน   ซึ่งมีพระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ปญุ ญกาโม) หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน 

ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าว เนื่องจากเมื่อเดือน ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มลูกศิษย์ของ หลวงพ่อพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน ได้เข้าร้องทุกข์กับทาง บก.ปปป. ให้ช่วยตรวจสอบ กลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และ คนใกล้ชิด ที่มีอํานาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัด หลังพบมีพฤติการณ์ต้องสงสัยทุจริตยักยอกเงิน และ มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์ และการดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ฯ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป. ได้นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า ในช่วงระหว่างปี 2563-2564 มีประชาชนผู้ใจบุญนำเงินมาทำบุญมอบให้วัดเป็นเงินรวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีบางส่วนประมาณ 30-40 ล้านบาท ที่ทางวัดได้นำไปใช้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือ สร้างโรงเรียนให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนที่เหลือไม่ทราบว่า ถูกนำไปใช้ทำอะไร หรือ นำไปเก็บไว้ที่ใด เจ้าหน้าที่จึงไล่แกะรอยเส้นทางการเงิน กลุ่มไวยาวัจกร และคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ ก่อนพบหลักฐานที่แน่ชัดว่า ทั้ง 3 ราย มีการนําเงินของวัดไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง รวมเป็นเงิน 63,034,470 บาท จึงได้อายัติเงินดังกล่าวนำกลับมาส่งมอบคืนให้กับ หลวงพ่อพัฒน์ 
 

ล่าสุด (2 ก.พ.) ภายหลังการดำเนินคดี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการเข้าตรวจค้นบ้านพักของกลุ่มไวยาวัจกร วัดห้วยด้วน อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ โดยระบุว่า จากการตรวจค้นเมื่อวานที่ผ่าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดเงินสด โฉนดที่ดินและทองรูปพรรณ พระเครื่อง  และอาวุธปืน รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ทรัพย์สินดังกล่าวทั้งหมด จะถูกนำไปตรวจสอบให้แน่ชัดว่า เป็นการได้มาจากการทุจริตหรือไม่ 
 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบโฉนดที่ดิน ที่ตรวจยึดมาได้นั้น เบื้องต้นพบบางโฉนด ไม่มีที่ไปที่มา คล้ายกับการอำพรางว่า เป็นการรับจำนองที่ดิน แต่จากแนวทางสืบสวนเชื่อได้ว่า อาจมีการล็อบบี้ผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกปิดข้อมูลที่ดินดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีการเรียกเจ้าของที่ดินรายเดิมมาให้ปากคำ และหากยังปกปิดข้อมูล ก็จะเข้าข่ายความผิดด้วย 

ขอยืนยันว่า จะดำเนินคดีการสอบสวนต่อไป ตามกฎหมาย โดยมั่นใจว่า ตอนนี้มีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะดำเนินคดีผู้ต้องสงสัยบางคนแล้ว ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นไปเป็นของตนเองโดยทุจริต หรือ ยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไป และ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งจะมีการเรียกมากรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป พร้อมกับติดตามเอาทรัพย์สิน ที่มาจากความเลื่อมใสศรัทธาของสาธุชน กลับมาสู่วัด และหลวงพ่อให้มากที่สุด  พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว