พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง และผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กล่าวในการสัมภาษณ์พิเศษ เรื่องปรับวิธีการฉีดวัคซีน โควิด-19 รูปแบบใหม่ตามความสมัครใจ ที่สถานีกลางบางซื่อว่า สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเข็มที่ 3 และเข็มที่ 4 ทางศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ได้เปิดให้เลือกฉีดตามความสมัครใจ ของผู้ที่มารับบริการ ขณะนี้ภาระหลักของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ในขณะนี้จะเป็นการฉีดเข็ม 3 เป็นหลัก โดยฉีดอยู่วันละประมาณ 3 หมื่นคน
สำหรับการฉีดวัคซีนเข็ม 4 วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดบริการฉีดให้กับกลุ่มที่จองผ่านเครือข่ายมือถือมาก่อนหน้านี้ โดยวัคซีนหลักยังคงเป็น "ไฟเซอร์" และยังมี AstaZeneca ไว้สำหรับผู้ที่มีความประสงค์ที่จะฉีด Astrazeneca ด้วย
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็น mRna นั้น ได้มีมติของคณะกรรมการ ส่งเสริมป้องกันควบคุมโรค มีมติมาว่า จากผลการศึกษาวิจัย ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ พบว่า การฉีดวัคซีนครึ่งโดส หรือการฉีดใต้ผิวหนัง ประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในการฉีดเข็มกระตุ้น มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีนเต็มโดส เข้าชั้นกล้ามเนื้อ อีกทั้งผลข้างเคียงในเชิงระบบมีน้อยกว่า
ทั้งนี้ วันนี้เป็นวันแรก ที่เปิดให้ประชาชนสามารถเลือกได้ว่า มีความประสงค์จะฉีดแบบเต็มโดส หรือครึ่งโดส โดยการฉีดแบบเต็มโดส จะยังคงเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของศูนย์ ส่วนการฉีดวัคซีนแบบครึ่งโดส ก็จะมีจุดบริการไว้ให้ต่างหาก
- สำหรับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แบบเต็มโดส จะใช้ปริมาณวัคซีนอยู่ที่ 0.3 ml ถ้าเป็นครึ่งโดสก็จะอยู่ที่ 0.15 ml
- หากเป็นการฉีดเข้าชั้นผิวหนัง จะใช้ปริมาณอยู่ที่ 0.1 ML ซึ่งจะมีจุดบริการ แยกให้ต่างหาก โดยทั้งหมดเป็นไปตามความสมัครใจของผู้รับบริการวัคซีน
ซึ่งจากการเปิดฉีดวัคซีนวันนี้เป็นวันแรก จนถึงเวลา 12:00 น พบว่า มีผู้ที่สนใจ ฉีดวัคซีนแบบครึ่งโดส เป็นจำนวนหลักพัน ซึ่งถือว่าเกินความคาดหมาย ประชาชนมีการรับรู้ข่าวสารมากขึ้น หากประชาชนมีความเตรียมพร้อมที่จะมารับวัคซีนครึ่งโดสมากขึ้น ก็จะทำการเปิดจุดฉีดเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการให้บริการกับประชาชน ขอเน้นย้ำว่า การเปิดให้บริการฉีดวัคซีน แบบ
ครึ่งโดส หรือชั้นใต้ผิวหนัง เป็นไปตามความประสงค์ความต้องการของประชาชนที่ให้สามารถเลือกเองได้ ไม่ใช่วัคซีนไม่เพียงพอ เนื่องจากขณะนี้วัคซีนมีจำนวนเหลือเฟือ
ผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กล่าวด้วยว่า สำหรับการฉีดวัคซีนเด็กอายุ 5 ถึง 11 ปี โดยใช้วัคซีนไฟเซอร์ฝาส้มนั้น โดยหลักแล้วกระทรวงสาธารณสุขจะเน้นฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาส้ม เป็นแบบ school-base และ hospital-based โดยกลุ่มแรกที่จะได้รับการฉีดวัคซีนไปเซอร์ฝาส้ม คือกลุ่มเด็กที่มีอาการเจ็บป่วย โดยจะฉีดให้จากโรงพยาบาล ที่ตนเองรักษาอยู่เป็นประจำ และหลังจากนั้น จะมีการฉีดให้ที่โรงเรียน แต่ปัจจุบันพบปัญหาว่ามีการเรียนออนไลน์ เด็กไม่ได้ไปโรงเรียน และการจัดหน่วยฉีดตามโรงเรียน อาจมีปัญหาบ้างในขณะนี้ เนื่องจากเด็กไม่ได้มาโรงเรียน ทำให้ต้องมีการนัดหมาย ส่งผลให้เกิดความยุ่งยากอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงมอบหมายให้ศูนย์วัคซีนกลางบางซื่อ เป็นหน่วยเก็บตกให้ ในกรณีที่เด็กไม่ได้อยู่ในระบบโรงเรียน เช่น เด็กที่เรียนแบบโฮมสคูล เด็กที่ไม่สะดวกที่จะไปตามนัดของโรงเรียน ก็จะจัดให้ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เป็นหน่วยเก็บตกให้ แต่เนื่องจากว่าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็กจะเน้นการฉีดในเด็กป่วยก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง