ข่าว

วิโรจน์ ก้าวไกล ชู 4 นโยบายพลิก "ทางม้าลาย" ทั่วกรุงเทพ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ชู 4 นโยบายพลิก "ทางม้าลาย" ทั่วกรุงเทพ ยกเทคโนโลยีแจ้งปัญหาเรียลไทม์เป็นเครื่องมือเชิงรุก ขณะที่เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต นำภาพตัวอย่างทางม้าลายเสื่อมสภาพส่งถึง อัศวิน

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงนโยบายแก้ไขปัญหาทางเท้า 4 นโยบาย ที่พัฒนาร่วมกับว่าที่ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางบอน ปาล์ม - นิธิกร บุญยกุลเจริญ ผู้พัฒนาเว็บรายงานน้ำท่วมและแอพลิเคชั่นแจ้งปัญหาอื่น ๆ

 

พร้อมยกโปรเจกต์พบเห็น "ทางม้าลาย" มีปัญหาแจ้งวิโรจน์ ผ่านระบบแจ้งปัญหาฟองดูว์ หลังการเปิดใช้งานได้เพียง 3 วัน มีประชาชนร้องเรียนมาแล้วกว่า 109 จุด โดยมีพื้นที่ที่มีการร้องเรียนซ้ำหลายราย 3 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ใต้ทางด่วนสาทรเหนือสาทรใต้ ถนนบรรทัดทอง และถนนอ่อนนุช 
.

พร้อมกันนี้ วิโรจน์ได้แถลงนโยบายหลัก 4 ข้อ ลั่นหากผู้ว่าฯ ชื่อวิโรจน์ พร้อมนำเอานโยบายมาปรับใช้ในทันที

 

เรื่องที่หนึ่ง แก้ปัญหาโครงสร้างวิศวกรรม ต้องมี "ทางม้าลาย" ที่ได้มาตรฐาน มี "ทางม้าลาย" ชัดเจน มีสัญญาณไฟกด มีกล้องตรวจจับความเร็ว และมีเส้นซิกแซกเพื่อเป็นการเตือนไม่ให้ขับรถด้วยความเร็ว ซึ่งที่ผ่านมา กทม. ใช้งบประมาณเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น ในการปรับปรุงทางม้าลาย 54 แห่งจาก 4,160 แห่งทั่วกรุงเทพ สะท้อนให้เห็นปัญหาในการจัดการ บำรุงรักษา "ทางม้าลาย" อย่างชัดเจน
 

ข้อที่สอง วิโรจน์ยกปัญหาการบังคับใช้กฎหมายจราจร มาเป็นนโยบายหลัก ซึ่งแม้ว่าการบังคับใช้กฎหมายจราจรจะเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่จากการสำรวจเมื่อปี 2563 มีใบสั่งจากการกระทำผิดกฎหมายทั้งหมด 13 ล้านใบ แต่กลับเก็บค่าปรับได้เพียง 1% ของใบสั่งเท่านั้น  วิโรจน์จึงเสนอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เช่น การเชื่อมโยงการทำผิดกฎจราจรและสิทธิในการต่อภาษีรถยนต์ เสนอให้มีการตัดคะแนนใบขับขี่ เมื่อทำผิดกฎหมายต้องมีบทลงโทษ เช่น ห้ามขับรถ 30 วัน ไปจนถึงยกเลิกใบขับขี่
.

ข้อที่สาม เชื่อมสัญญาณไฟคนข้ามกับไฟแดงสี่แยก เนื่องจากถนนเส้นรองของกรุงเทพเป็นถนนที่คนใช้สัญจรและมีความหนาแน่นต้องวางโครงสร้างไฟจราจรและไฟแดงสี่แยกให้เชื่อมกันทุกจุด 
 

และนโยบายสุดท้าย กทม. ต้องทำงานเชิงรุก ไม่ต้องรอประชาชนแจ้ง สำนักงานเขตต้องสำรวจทางเท้าทุก 3 เดือน มีการซ่อมบำรุง ตรวจสอบสภาพให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ 
 

ในนโยบายหลักทั้ง 4 ข้อนี้ วิโรจน์และทีม เตรียมนำเอาเทคโนโลยีมาใช้สอดแทรกในแต่ละด้านให้การจัดการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การจัดการฐานข้อมูลเมือง ที่จะรวบรวมเอาทรัพย์สินต่าง ๆ ของกทม. ไว้ในฐานข้อมูล เพื่อทำการตรวจสอบ วันเวลาที่ต้องทำการบำรุงรักษาในระบบออนไลน์ ข้อมูลงบประมาณของเมือง ไปจนถึงเรื่องร้องเรียนของประชาชน พัฒนาระบบจัดเก็บทรัพย์สินของเมือง การใช้กล้องจัดเก็บข้อมูลเมืองแบบ 3D สำหรับการเก็บข้อมูลเมืองและนำไปปรับใช้

 

พร้อมทั้งเปิดเรื่องร้องเรียน (Open City Complain Platform) เช่น การใช้ระบบรับเรื่องร้องเรียนฟองดูว์ ที่สามารถแจ้งปัญหาแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ วิโรจน์ยังเสนอให้มีการติดกล้องไว้บนรถที่เป็นทรัพย์สินของกทม.เช่น รถขยะ รถฉีดน้ำเพื่อให้ง่ายกับการตรวจเช็ค"ทางม้าลาย" (Streetview Crosswalk Classification) รวมถึงสนับสนุนให้มีการนำเอา AI มาใช้ตรวจจับ การฝ่าฝืนกฎหมาย และการใช้ไฟ LED ฝังบริเวณทางม้าลาย เพื่อตีเส้นเครื่องหมายจราจรให้เด่นชัด (LED Embedded Road Signs) และ มีการใช้เซนเซอร์แทนการจับเวลาข้ามถนน (Puffin Crossing)

เร่งสร้างความปลอดภัยทางถนน เครือข่ายฯ นำภาพตัวอย่างทางม้าลายเสื่อมสภาพส่งถึง อัศวิน พร้อมเสนอ 6 ข้อที่ควรทำ สกัดอุบัติเหตุซ้ำรอยเข้าข่ายวัวหายล้อมคอก ฝันอยากเห็นผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ดันเป็นนโยบายต้องทำให้สำเร็จ

วิโรจน์ ก้าวไกล ชู 4 นโยบายพลิก "ทางม้าลาย" ทั่วกรุงเทพ

น.ส.เครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมด้วย เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กทม. เครือข่ายเหยื่ออุบัติเหตุ ภาคีเครือข่ายชุมชนเพื่อความปลอดภัย 50 คน ร่วมกันทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขอทางม้าลายที่ปลอดภัย บริเวณ "ทางม้าลาย"ที่มีไฟสัญญาณคนข้าม หน้าศาลาว่าการ กทม.และร่วมกันสั่นกระดิ่งปลุก กทม.ให้ตื่นทำงานเชิงรุกลดอุบัติเหตุ-สูญเสียซ้ำซาก

 

จากนั้นผู้แทนฯ ได้นำภาพถ่าย "ทางม้าลาย"เสื่อมสภาพมาร้องเรียน พร้อมยื่นข้อเสนอถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญมือง ผู้ว่าราชการกทม. และเรียกร้องผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม.ดันเป็นนโยบายที่ต้องทำให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ นางวิภารัตน์  ไชยานุกิจ  เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้มารับหนังสือแทน
 

​น.ส.เครือมาศ  กล่าวว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถจักรยานยนต์ big bike Ducati สีแดง ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย อย่างแรงระหว่างเดินข้ามทางม้าลายบริเวณหน้าสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไทจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ล่าสุดทราบจากรายงานข่าวว่า บริเวณดังกล่าวก็เคยเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน คือมีรถจักรยานยนต์ขับมาทางขวาด้วยความเร็วและชนสองสามีภรรยาที่กำลังเดินข้ามถนนในจุดเดียวกันนี้ สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาเกิดขึ้นซ้ำซาก แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไม่สนใจที่จะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังจนเกิดเหตุสลดกับหมอกระต่าย

 

ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2557เกิดเหตุรถฝ่าไฟแดงพุ่งชนพนักงานสาวแกรมมี่ขณะข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต และอีกหลาย ๆ กรณี ซึ่งจากข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ) ศึกษาจากแหล่งข้อมูลอุบัติเหตุต่างๆ ประมาณการณ์ว่า มีผู้ถูกรถชนเสียชีวิตขณะข้ามถนนบนทางม้าลาย เฉลี่ย 6% ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน หรือประมาณ 500 คนต่อปี โดยพบเกิดเหตุในพื้นที่กทม.เกิดเหตุมากที่สุด จึงขอให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายทำทางม้าลายให้มีความปลอดภัย
 

 น.ส.เครือมาศ  กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุกับหมอกระต่าย ทำให้กทม.เข้าไปแก้ไขปรับปรุงสภาพทางม้าลายแล้วนั้น แต่ทางเครือข่ายขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อผู้ว่าฯ กทม. ดังนี้

 

1.เครือข่ายขอขอบคุณ กทม. ที่เข้าไปปรับปรุงแก้ไข "ทางม้าลาย" ตรงจุดเกิดอุบัติเหตุรถชนหมอกระต่าย แต่ขอให้กทม.ทำงานเชิงรุกและมีความชัดเจนในการลดอุบัติเหตุทางถนน เร่งตรวจสอบทางม้าลายที่เสื่อมสภาพ กลไกการแจ้งเตือน อาทิ ไฟสัญญาณคนข้าม เส้นนูน-ลูกระนาดชะลอความเร็ว เป็นต้น เพื่อปรับปรุงให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมตลอดเวลา

 

2.ขอให้กทม.เพิ่มการติดตั้งไฟสัญญาณคนข้ามทางม้าลาย ตลอดจนที่ดักชะลอความเร็ว ในจุดที่มีความสำคัญ เป็นเขตชุมชน และมีความเสี่ยง ให้มากขึ้นโดยเฉพาะจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และสัญญาณกำหนดความเร็วในเขตเมืองโดยเฉพาะตลาด ชุมชน โรงเรียน ที่ต้องขับขี่รถไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดนี้แม้จะใช้งบประมาณจำนวนมากแต่ก็คุ้มค่าเมื่อแลกกับความสูญเสีย  
 

​3.ขอให้ กทม.สนับสนุนทุกกลไกเพื่อการตรวจจับปรับจริง กรณีมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร และให้เร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจกับผู้ใช้รถใช้ถนนให้เคารพกฎจราจรโดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องมิใช่แค่ช่วงเทศกาลปีใหม่หรือสงกรานต์

 

4. ขอเรียกร้องต่อคน กทม. ผู้ใช้รถใช้ถนน ให้ร่วมกันเป็นอาสาจราจร ช่วยกันสอดส่องดูแลผู้กระทำผิดกฎหมายต่างๆบนถนน เช่น ไม่จอดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ขับย้อนศร กลับรถในที่ห้ามกลับรถ หรือการกระทำผิดอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุของคนเดินเท้า หรือผู้ร่วมทาง โดยสามารถส่งคลิปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือมูลนิธิเมาไม่ขับ

 

5.ขอเรียกร้องให้บรรดาว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการ กทม. แข่งขันกันเสนอนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุในพื้นที่ กทม.ให้เป็นรูปธรรมเพื่อเป็นข้อมูลประกอบให้ชาวกทม.ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ
 

ขณะที่นางพวงแก้ว โต้ตอบ เหยื่อผู้สูญเสียลูกชายอายุ 12 ปี จากการถูกรถยนต์ชนจักรยานยนต์ปลายปี 64 และแกนนำเครือข่ายชุมชนเพื่อความปลอดภัย กล่าวว่า ตนสูญเสียลูกชายจากอุบัติเหตุรถยนต์  บริเวณชุมชนหน้าเคหะชุมชนคลองเก้า คลองสามวา ซึ่งเป็นถนนสองเลน แต่รถวิ่งเร็วมาก โดยจุดเกิดเหตุอยู่ตรงทางแยกเข้ามาที่เคหะฯ แต่ไม่มีสัญญาณเตือนอะไรเลย ทางม้าลายก็หมดสภาพแทบมองไม่เห็น และเป็นจุดที่เกิดอุบัติเหตุแทบทุกเดือน

 

จึงอยากให้กทม. สำนักงานเขต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาดูแลก่อนจะเกิดเหตุขึ้นอีก แล้วมาตามแก้เข้าตำราวัวหายล้อมคอก ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมาตนเครือข่ายได้ลงพื้นที่สำรวจสภาพทางม้าลายหลาย ๆ จุดในกทม.

 

พบหลายจุดเสื่อมสภาพ จึงได้ถ่ายภาพเป็นหลักฐานมามอบให้ กทม. ช่วยพิจารณาแก้ไขปรับปรุง โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนจุดเสี่ยงต้องมีไฟสัญญาณเตือนคนข้ามซึ่งจะช่วยลดปัญหาที่จะตามมาได้มาก แต่เท่าที่เห็นมักอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมืองเท่านั้น

 

ตนจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยกันถ่ายภาพทางม้าลายเสื่อมสภาพร้องเรียนไปที่ กทม. เพื่อให้ดำเนินการแก้ไข และร่วมกันถ่ายคลิปคนที่ทำผิดกฎหมายจราจร ส่งให้กับตำรวจหรือส่งไปที่มูลนิธิเมาไม่ขับ เพื่อให้นำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ