ข่าว

"ก้าวไกล-เพื่อไทย" บุกกรมยุทธโยธาทหารบก หาเสียงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ผู้สมัครฯ ส.ส.ก้าวไกล-เพื่อไทย" บุก กรมยุทธโยธาทหารบกหาเสียงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ ก้าวไกลชูนโยบายปฏิรูปกองทัพ-สร้างสวัสดิการทหาร ด้านเพื่อไทยยันไม่เคยมองกองทัพเป็นศัตรู

ที่กรมยุทธโยธาทหารบก เขตจตุจักร กทม. "พรรคก้าวไกล" นำโดยหัวหน้าพรรค นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมแกนนำพรรค อาทิ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล และนายรังสิมันต์ โรม ร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร (บางแขวง) นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีนายทหารทั้งระดับชั้นประทวน-สัญญาบัตร และครอบครัวทหารร่วมรับฟังการปราศรัย

 

นายพิธา ได้กล่าวถึงงบประมาณกองทัพว่า เป็นเรื่องที่ควรมีการแลกเปลี่ยนกันระหว่างสภากับกองทัพ ซึ่ง"พรรคก้าวไกล"ในสมัยที่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่เคยนำเสนอเรื่องกำลังพล งบประมาณ และขอบเขตหน้าที่ทหาร   รวมทั้งสวัสดิภาพ สวัสดิการทหารชั้นผู้น้อยและครอบครัวผ่าน พ.ร.บ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร พร้อมยืนยันว่า"พรรคก้าวไกล" เห็นความสำคัญของความมั่นคงทางทหารและพร้อมอยู่เคียงข้างกองทัพโดยเฉพาะทหารชั้นผู้น้อย หากเป็นกองทัพทันสมัย มืออาชีพ และงบประมาณไม่เบียดเบียนภาษีประชาชน

 

แต่สิ่งที่ "ก้าวไกล"ยอมรับไม่ได้คือการที่ทหาร เหยียบทับระบอบประชาธิปไตย มีการทำรัฐประหาร มา 11 ครั้ง 67 ปี หรือเฉลี่ยในทุก 6 ปี และเรื่องนี้ทำให้เกิดความความเหลื่อมล้ำทุกด้านในสังคม


สิ่งที่ "พรรคก้าวไกล"อยากปฏิรูปกองทัพคือสร้างรัฐสวัสดิการ ด้วยการต้องการนำงบประมาณในส่วนของทหารระดับนายพลที่เยอะเกินไป มาเพิ่มสวัสดิการให้ทหารชั้นผู้น้อยและครอบครัว พร้อมขอให้โอกาสนายกรุณพลเพื่อเข้าไปทำงานในสภาเพื่อร่วมเปลี่ยนแปลง

ด้านนางอมรัตน์ บอกว่า การส่งนายกรุณพล ลงสมัครเลือกตั้งซ่อมคือการส่งอัญมณีมีค่ามาให้กับประชาชน การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จึงมีความสำคัญเหมือนการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อบอกรัฐบาลว่าประชาชนไม่ยอมรับรัฐบาลนี้ผ่านคูหาเลือกตั้ง โดยไม่ต้องลงถนนพร้อมย้ำว่าหากนายพลบริหารประเทศได้ดี ตอนนี้กองทัพไทยคงทันสมัย  ตนอยากเห็นทหารไทยมีเกียรติยศศักดิ์ศรี อยากเห็นการเป็นทหารโดยสมัครใจ 

 

ขณะที่นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ใช่คู่แข่งของนายกรุณพล ด้วย 3 เหตุผล คือ แม้แต่ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคยังลาออก ตั้งแต่มีการจัดเลือกตั้งซ่อม ยังไม่เคยมีการฟังปราศรัยใหญ่เบอร์ 7 นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐในฐานะแชมป์เก่ายอมแพ้ต่อการเลือกตั้ง นอกจากนี้ผู้สมัครไม่เคยขึ้นเวทีดีเบต ตอนนี้จึงเหมือนมีการแข่งกันแค่ 2 พรรค ซึ่งเป็นฝ่ายค้านทั้งคู่

ส่วนตัวไม่กังวลว่านอกจาก 2 พรรคนี้แล้วจะมีพรรคไหนชนะ หากแข่งกันด้วยวิธีปกติ ซึ่งหากประชาชนกลัวว่าจะมีการโกงเลือกตั้ง จะต้องช่วยกันจับโกง โดย"พรรคก้าวไกล"เตรียมอาสาสมัครไว้แล้ว และขอให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลพิสูจน์ในสภาแล้วว่าทำหน้าที่เพื่อข้าราชการชั้นผู้น้อย พร้อมชนกับปัญหา และเชื่อว่าหากนายพิธา มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีจะมีการปฏิรูปกองทัพให้ดีขึ้นแน่นอน


ด้านนายกรุณพล ในฐานะผู้แข่งขัน ได้เล่าถึงการเติบโตในฐานะลูกตำรวจที่รู้จักกับนายทหารระดับสูง เห็นการใช้งบประมาณอย่างไม่เหมาะสมมาตั้งแต่เด็ก พรรคก้าวไกลต้องการความเสมอภาคแม้ทราบดีว่าการบริหารราชการต้องมีลำดับชั้น และต้องการพัฒนาสวัสดิการกองทัพให้มีประสิทธิภาพ ให้ทุกคนภาคภูมิใจเมื่อสวมเครื่องแบบทั้งนี้ในวันที่ 30 มกราคมนี้ ที่มีการเลือกตั้ง หากประชาชน ไม่ชอบตน หรือ "พรรคก้าวไกล"ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ไปใช้สิทธิเลือกพรรคที่จะเข้าไปทำงานเพื่อประชาชน

 

สุรชาติ บุกหาเสียงกรมยุทธโยธาทหารบกยัน "เพื่อไทย" ไม่เคยมองกองทัพเป็นศัตรู หวังพัฒนาระบบราชการ ขอกำลังพลเข้าใจตัดงบกองทัพเพื่อความสมดุล  ย้ำ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายไม่ได้ขายฝัน ทำได้จริง

 

ด้านพรรคเพื่อไทย นายสุรชาติ เทียนทอง  พร้อมด้วยรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง ในฐานะผู้อำนวยการ เลือกตั้งเขตหลักสี่-จตุจักร เข้าปราศรัยหาเสียงโค้งสุดท้ายที่กรมยุทธโยธาทหารบก กล่าวย้ำ ไม่เคยมองกองทัพเป็นศัตรู

 

นายสุรชาติ กล่าวกับ กำลังพลและครอบครัวที่มาติดตามการหาเสียงว่ากว่า 10 ปีหลังที่มีความขัดแย้งทางการเมือง "พรรคเพื่อไทย" ถูกทำให้ห่างกับกำลังพลเหมือนเป็นเส้นขนาน เป็นศัตรู ซึ่งตนขอยืนยันในฐานะสมาชิกพรรคว่าตนและพรรคไม่เคยเห็นกองทัพ หรือทหารเป็นเส้นขนาน เป็นศัตรูคู่อาฆาต เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นเกิดจากสถานการณ์และการตัดสินใจของผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คน หากตนถอดเสื้อนักการเมือง ทหารถอดเสื้อราชการ ทุกคนคือคนไทยเหมือนกัน 

 

นายสุรชาติ ยังกล่าวถึงความตั้งใจของตนและพรรคที่ต้องการพัฒนาระบบราชการ แม้ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่เพียง 2 ปีครึ่ง แต่สิ่งที่เรียนรู้คือการเป็นผู้รับใช้ประชาชน การเมืองของตนคือการออกไปรับใช้ ดูแลประชาชน ตนให้ความสำคัญกับการอาสา และมีความฝันอยากเห็นทุกหน่วยงานราชการเป็นผู้รับใช้ประชาชน ทั้งข้าราชการและนักการเมืองล้วนเป็นผู้รับใช้ประชาชน อยากเห็นการพัฒนาระบบราชการให้รับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง และต้องเป็นระบบราชการที่ทำให้ข้าราชการมีสวัสดิการที่ดี 


นายสุรชาติ ยังยืนยันว่า"พรรคเพื่อไทย"ไม่เคยคิดล้มล้าง หรือยุบหน่วยงานของกองทัพ หรือกำลังพล สิ่งที่ต้องการคือปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนา ให้มีคุณภาพชีวิต มีสวัสดิการที่ดีขึ้น และยังเชื่อว่าการมีกองทัพที่เข้มแข็งเป็นความมั่นคงของชาติ แต่ในขณะที่ประเทศเข้าสู่ภาวะข้าวยากหมากแพง ต้องกู้เงินมาเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจ อยากให้คนในกองทัพเข้าใจการพิจารณางบประมาณของสภาฯ ว่าเหตุใดจึงมีการตัดงบกองทัพและย้ำว่า "พรรคเพื่อไทย" ไม่เคยมีอคติกับกองทัพ แต่ต้องสร้างความสมดุลให้สอดรับกับรายได้และรายจ่ายของประเทศ แม้มีความจำเป็นในการซื้ออาวุธความแต่การจัดลำดับความสำคัญเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณามากกว่า


งบประมาณที่กองทัพได้มาแม้มีความสำคัญในการซื้ออาวุธแต่การดูแลสวัสดิการของกำลังพลก็สำคัญ อยากให้กองทัพจัดให้มีประสิทธิภาพ เพราะทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศคือทรัพยากรมนุษย์ การดูแลคนจึงสำคัญ ทั้งที่พัก อาหาร การศึกษาและการพัฒนาทักษะต่างๆ 

 

ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคหนึ่งที่เสนอให้มีการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ถ้ากองทัพมีโอกาสจัดสรรงบมาพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคลากรจะเป็นจุดเริ่มต้นยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้ 


นายสุรชาติ ยังกล่าถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยยืนยันว่าไม่ใช่นโยบายขายฝัน สามารถทำได้ และควรทำ การเสนอนโยบายนี้ไม่ใช่แค่ให้พรรคเพื่อไทยทำแต่เป็นพรรคใดก็ได้กล้าทำ หากทำไม่ได้ "พรรคเพื่อไทย" จะทำให้ เพราะที่ผ่านมา นโบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่คนมองว่าไม่สามารถทำได้ก็ถูกทำให้เกิดขึ้นแล้ว

 

นายสุรชาติ ยังทิ้งท้ายว่าพรรคเพื่อไทยต้องการให้ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต ตนมองว่าการจะเรียกร้องหาสำนึกจากประชาชนโดยที่ยังไม่สามารถทำให้ปากท้องเขาดีได้เป็นคำพูดที่ไร้ความรับผิดชอบของผู้มีอำนาจ จึงต้องเริ่มจากจุดเล็ก การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนให้ดีขึ้นก่อน 


 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ