“น้ำหอม-สุภาพร” รายงานตัวสภา-เดชอิศม์ ชี้ น้องโบ๊ต ร่วมงาน ปชป. นิมิตใหม่

"นางสาวสุภาพร กำเนิดผล" ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ารัฐสภาพร้อมด้วยนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ประชาธิปัตย์ เพื่อรายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง 

โดย"นางสาวสุภาพร" กล่าวว่า วันนี้มีความพร้อมในการทำงานเพื่อประชาชน พร้อมขอขอบคุณประชาชนเขต 6 จังหวัดสงขลาและประชาชนชาวสงขลาทุกคนที่ให้กำลังใจตนและนายเดชอิศม์ ในการนำทัพพรรคประชาธิปัตย์ของภาคใต้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ และคาดหวังว่าการเข้ามาเป็น ส.ส.ในครั้งนี้ด้วยการเป็น ส.ส.สตรีคนแรกของจังหวัดสงขลา จึงตั้งใจจะพัฒนาในด้านของคุณภาพชีวิต

ด้านนายเดชอิศม์ กล่าวถึงการเรียกประชุม ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ว่า จะเป็นการประชุมนัดแรกหลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ เพื่อกำหนดทิศทางและจัดทำนโยบายของพรรคในภาคใต้ใหม่

โดยเหตุผลของการจะย้ายมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์นั้น ส่วนตัวของนายอนุกูลมีความผูกพันกับตนอยู่ แต่ครั้งที่ผ่านมาด้วยได้ไปรับปากกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐเอาไว้ และเมื่อเสร็จจากการเลือกตั้ง ใจของเขาก็รู้ว่าเขาควรอยู่พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมยืนยันว่านายอนุกูลไม่ได้มีปัญหากับพรรคเดิม เพราะในช่วงที่ขึ้นเวทีปราศรัยก็ไม่มีการโจมตีกัน ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ส่วนแนวทางการวางตัวลงสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้นขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงอนาคต เบื้องต้นตกลงกันเพียงว่ามาช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์ก่อน ส่วนอนาคตค่อยพิจารณาตามความเหมาะสม

ความจริงยังมีอีกหลายคนในภาคใต้ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการอยากใช้โอกาสมาแสดงฝีไม้ลายมือในพรรคประชาธิปัตย์ น้องโบ๊ตก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่อยากมาเสริมทัพของพรรคประชาธิปัตย์

นายเดชอิศม์ กล่าวต่อถึงความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งต่อไปภายหลังได้รับชัยชนะจากากรเลือกตั้งซ่อมว่า มีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่าจะสามารถกู้ศักดิ์ศรีของพรรคประชาธิปัตย์กลับคืนมาได้ เพราะครั้งที่ผ่านมาถือว่าหนักอึ้ง เนื่องจากนายอนุกูลเป็นคนพื้นที่ เป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ความสามารถและมีฐานะดี ประกอบกับนายอนุมัติ อาหมัด ก็อยู่ในพื้นที่อำเภอสะเดาและประกาศตัวเป็นแม่ทัพใหญ่ อีกทั้งนายถาวร เสนเนียม ก็ออกมาประกาศตัวเป็นกลาง ดังนั้นจึงต้องมีการปรับกระบวนทัพกันใหม่ซึ่งเมื่อชนะครั้งนี้ได้ ศึกครั้งต่อไปก็น่าจะเบากว่านี้มาก