ข่าว

"คุรุสภา" เร่งสมัคร "ตั๋วครู" ก่อนปิด 30 ม.ค.นี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"คุรุสภา" แจ้งสมัครสอบ "ตั๋วครู" เหลือเวลา แค่ 5 วัน เร่งสมัครผ่านระบบออนไลน์ สทศ. ก่อนปิด 30 ม.ค.นี้ ฝากสมัครแล้วต้องชำระเงิน เพื่อการสมัครสมบูรณ์ ย้ำต้องตรวจ ATK ก่อนเข้าสอบ เช็ครายละเอียดที่นี่

รายงานข่าวจากสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา แจ้งว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้ร่วมกับสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ. จัดทดสอบ "ตั๋วครู" หรือ การจัดทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ประจำปี พ.ศ. 2565 

 

ตามประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง กำหนดการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูฯ ประจำปี พ.ศ. 2565 โดยจัดการทดสอบฯ ครั้งที่ 1 ในวันที่ 18- 19 กุมภาพันธ์ 2565 นั้น 

 

ขณะนี้สทศ.กำลังเปิดรับสมัครทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ฯ ผ่านระบบออนไลน์ ทางเว็บไซต์ สทศ. https://www.niets.or.th/th/catalog/view/3985 และจะปิดรับสมัครวันที่ 30 มกราคม 2565 

ทั้งนี้ผู้สมัครสามารถชำระค่าสมัครสอบถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 ตามช่องทางและเงื่อนไขที่กำหนดตามประกาศสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เรื่อง ระบบ วิธีการ ขั้นตอน และเงื่อนไขในการลงทะเบียน บันทึกข้อมูล และสมัครเข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูฯ ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ. 2565 

 

อย่างไรก็ตามสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ขอย้ำผู้สมัครเมื่อสมัครแล้วอย่าลืมชำระเงิน เพื่อความสมบูรณ์ในการสมัครสอบ

 

ส่วนกำหนดการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้มีสิทธิ์สอบสามารถพิมพ์บัตรประจำตัวผู้เข้าสอบผ่านระบบออนไลน์ของ สทศ. ได้ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป และเมื่อเข้ารับการทดสอบฯ ตามกำหนดการสอบ แล้ว 

 

คุรุสภาจะประกาศผลสอบฯ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565 เกณฑ์การผ่านการทดสอบฯ ผู้เข้ารับการทดสอบฯ ต้องมีผลคะแนนสอบฯ ในรายวิชาที่เข้าสอบไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 กรณีมีสอบไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบฯ ผู้เข้ารับการทดสอบ สามารถสมัครสอบในรายวิชาที่ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบฯ นั้น ในการจัดการทดสอบครั้งต่อไป 

ทั้งนี้ รายวิชาที่สอบผ่านเกณฑ์การทดสอบฯ สามารถใช้ผลได้ไม่เกิน 3 ปี นับจากวันที่ประกาศผลการทดสอบฯ หากผลคะแนนการทดสอบรายวิชาใดเกินระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าว ให้ถือว่าผลนั้นสิ้นสุด และต้องเข้ารับการทดสอบฯใหม่อีกครั้ง 

 

ทั้งนี้กรณีไม่สามารถเข้าสู่ระบบรับสมัครสอบออนไลน์ของ สทศ. ได้ เนื่องจากเลขประจำตัวประชาชน หรือรหัสประจำตัว นิสิตนักศึกษาไม่ถูกต้อง ผู้สมัครต้องติดต่อสถาบันอุดมศึกษาของตนเองเพื่อแก้ไขข้อมูล และให้สถาบันอุดมศึกษาแจ้งแก้ไขข้อมูลดังกล่าว ต่อสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เพื่อแจ้ง สทศ. ต่อไป

 

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ที่ผ่านมามีผู้สมัครสอบจำนวนมากสอบถาม เช่น กรณีแนบไฟล์เอกสารการสมัครต่าง ๆ ไม่ครบหรือไม่ถูกต้องจะต้องดำเนินการอย่างไร สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ชำระเงินให้ยกเลิกใบสมัครสอบเดิม และทำการสมัครสอบใหม่ 

 

ส่วนผู้ที่ชำระเงินแล้วให้เข้าเว็บไซต์ สทศ. โดยโหลดเอกสารใบคำร้องทั่วไป แจ้งความประสงค์ที่ต้องการ แล้วสแกนส่งข้อมูลไปที่อีเมล์ [email protected] 

 

หรือถ้าจะขอเทียบเคียงผลการทดสอบต้องดำเนินการอย่างไรนั้น ผู้สมัครจะต้องมีผลคะแนน ชุดทดสอบ และหน่วยสอบเป็นไปตามประกาศคณะอนุกรรมการอำนวยการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เรื่อง หลักเกณฑ์การเทียบเคียงผลการทดสอบฯ 

 

โดยตรวจสอบข้อมูลได้ที่ https://www.ksp.or.th/ksp2018/wp-content/uploads/2020/11/Announce-of-teachers-licence-test.pdf จากนั้นให้กรอกข้อมูลในแบบคำขอยื่นเทียงเคียง และส่งเอกสารหลักฐานต่าง ๆ มาที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา

 

และถ้ายื่นเทียบเคียงแล้วจำเป็นต้องสมัครสอบอีกหรือไม่ ผู้สมัครสามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งได้ หรือเลือก 2 อย่างก็ได้อยู่ที่ผู้สมัคร ทั้งนี้ ผลการเทียบเคียงจะประกาศเมื่อได้รับการรับรอง จากคณะอนุกรรมการอำนวยการทดสอบฯ และคณะกรรมการคุรุสภาเรียบร้อยแล้ว

 

ทั้งนี้ผู้เข้าสอบต้องแสดงผลตรวจ Antigen Test ที่เป็นลบ (Negative) จากสถานพยาบาล (โรงพยาบาล สถานีอนามัย หรือคลินิก) ที่มีลายเซ็นแพทย์ผู้ตรวจรับรองไม่เกิน 3 วัน ก่อนถึงวันสอบ หรือใบรับรองแพทย์ที่แนบผลการตรวจ Antigen Test ที่เป็นลบ (Negative) จากสถานพยาบาลไม่เกิน 3 วัน ก่อนถึงวันสอบ (จะต้องใช้ผลตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป) 

 

หากไม่มีเอกสารดังกล่าวมาแสดงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสอบ และไม่สามารถเรียกร้องสิทธิใด ๆ จากการสมัครเข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูได้ อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ksp.or.th และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มมาตรฐานการประกอบวิชาชีพ โทร. 0- 2280- 0048 หรือ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับระบบการรับสมัครสอบฯ ได้ที่ สทศ. โทร. 0-2217-3800

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ