ข่าว

"วัคซีนโควิดเด็ก" ล็อตแรกถึงไทยพรุ่งนี้ ฉีดให้เด็กกลุ่มเสี่ยง โรคประจำตัว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"วัคซีนโควิดเด็ก" ล็อตแรกเดินทางมาถึงไทยพรุ่งนี้ จัดฉีดให้เด็กอายุ 5-11 ปี กลุ่มโรคเสี่ยง-โรคเรื้อรังก่อน คิวถัดฉีดให้ไปเด็กป.6 ทั่วประเทศ

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ออกประกาศ แผนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม หรือวัคซีนวัคซีนโคเมอร์เนตี 
"วัคซีนโควิดเด็ก" ซึ่งเป็นสูตรสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ในส่วนของล็อตแรกจะฉีดให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปี ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง โรคเรื้อรัง ทั้งหมด 7 กลุ่มโรค โดยจะต้องผ่านการพิจารณาจากกุมารแพทย์

 

ส่วนล็อตถัดไป สำหรับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกจังหวัด โดยจะฉีดตามสัดส่วนนักเรียน และสำรองกรณีระบาดในพื้นที่ ซึ่งจะทำการฉีดในสถานพยาบาล หรือเด็กที่เรียนหนังสือที่บ้าน (Homeschool) ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม ในเด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ซึ่งลอตแรกจะนำเข้ามาในวันที่ 26 มกราคมนี้

 

สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีน ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้วรวม 112,759,859 โดส โดยวันนี้ฉีดวัคซีนไป 288,356 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 เพิ่มขึ้น 22,996 ราย คิดเป็นร้อยละ 74.9 ของจำนวนประชากรทั้งหมด เข็มที่ 2 เพิ่มขึ้น 47,236 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.3 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และเข็มที่ 3 เพิ่มขึ้น 218,124 ราย คิดป็นร้อยละ 17.9 ของจำนวนประชากรทั้งหมด

สำหรับสถานการณ์ในกรุงเทพมหานครที่มีรายงานการติดเชื้อสูงสุดมา 10 วันต่อเนื่องแล้ว กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้มีการจัดทีมปฏิบัติการเชิงรุกป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 ลงพื้นที่ โดยพบการติดเชื้อในค่ายมวยเขตบางกอกน้อย 11 ราย มีปัจจัยเสี่ยงที่พบคือรับประทานอาหารร่วมกัน ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ส่วนสถานที่ไม่มีจุดคัดกรองและไม่ได้จัดตั้งจุดกดเจลแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ จะต้องควบคุมให้มีความเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อ

 

สำหรับมาตรการป้องกันควบคุมการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลตรุษจีน ช่วงวันที่ 28 ม.ค.-3 ก.พ.นี้ ในที่ประชุม ศบค.ได้มีมติเห็นชอบถึงสถานการณ์และความเสี่ยงจากการติดเชื้อ ดังนี้ การรวมตัวกันของญาติพี่น้อง การจัดกิจกรรมไหว้บรรพบุรุษ การเดินทางไปตลาด หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต การไปร้านอาหาร การเดินทางไปศาลเจ้า
 

นอกจากนี้ยังได้สรุปผลการประชุมของ "ศบค." ชุดใหญ่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ออกเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 22 และมีมติเห็นชอบให้ขยายออกไปอีก 2 เดือน ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 มีดังนี้

  • ปรับพื้นที่สี ตามสถานการณ์ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ จากเดิมที่มีพื้นที่สีส้ม 69 จังหวัด ลดลงเหลือ 44 จังหวัด และพื้นที่สีเหลืองจากเดิมไม่มี เพิ่มขึ้นมาเป็น 25 จังหวัด และพื้นที่สีฟ้าก็ยังคงเดิม 8 จังหวัด

 

  • มาตรการทำงานที่บ้าน ไม่ขยายระยะเวลาต่อ

 

  • มาตรการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร มีการจำกัดเวลาในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ ไม่เกินเวลา 23.00 น. ปรับจากเดิม 21.00 น. โดยจะต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop Covid 2 Plus และมาตรการ Covid Free Setting เท่านั้น

 

  • สำหรับมาตรการรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ไม่จำกัดประเทศ และเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส แต่จะต้องทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง วันแรกและวันที่ 5 และเมื่อมาถึงต้องทราบผลตรวจว่าเป็นลบ จึงจะสามารถออกจากโรงแรมได้ ในส่วนของการทำประกันสุขภาพ หากมาถึงไทยและไม่ครอบคลุมการรักษา จะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมดขณะที่เข้ารับการรักษาเอง

 

  • ทั้งนี้ ผู้เดินทางที่ได้รับการอนุมัติก่อนวันที่ 22 ธ.ค.64 และเดินทางก่อนวันที่ 24 ธ.ค.64 รัฐยังคงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 อยู่เช่นเดิม และการเดินทางเข้ามาแบบ Sand Box มีการเพิ่มเติมอีก 2 จังหวัด คือ จ.ชลบุรี ในบางอำเภอ และ จ.ตราด (เกาะช้าง) และการเข้ามาในระบบ Sand Box สามารถเดินทางในพื้นที่ใกล้เคียงได้ เช่น เกาะสมุย ภูเก็ต เกาะเต่า เป็นต้น
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ