รมว.ยุติธรรม แถลง DSI บุกค้นแหล่งขาย "ซิมมือถือ" พบลงทะเบียนใช้ชื่อแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก ส่อนำมาใช้ในกลุ่มแก๊ง "คอลเซ็นเตอร์" หลอกให้โอนเงินหรือก่ออาชญากรรมอื่น
24 ม.ค.2565 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงข่าว กรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าตรวจค้นบ้านพักอาศัยผู้จำหน่ายซิมโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนโดยชาวต่างด้าวที่เป็นแรงงานในประเทศไทย และบางส่วนที่ยังไม่ลงทะเบียน เป็นจำนวนมาก
สืบเนื่องจากศูนย์สืบสวนไซเบอร์ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่ามีการเสนอขายซิมโทรศัพท์พร้อมใช้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ จำนวนมาก ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นการกระทำความผิดทางอาญา เนื่องจากซิมโทรศัพท์ดังกล่าวได้นำมาใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือการก่อการร้าย จึงสืบสวนและทำการล่อซื้อ ปรากฏว่ามีการจำหน่ายจริง
จึงดำเนินการสืบสวน หาเครือข่ายการขายซิมโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนแล้ว เพื่อเป็นการตัดวงจรและป้องกันอาชญากรรม จากการสืบสวนและรวมรวมพยานหลักฐานพบว่ามีร้านค้า จำนวน 2 ร้าน อยู่ในกรุงเทพมหานคร และในอำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย ประกาศขายซิมทุกเครือข่ายทางเว็บไซต์ เพจเฟชบุ๊ก ซึ่งทั้งสองร้านมีการนำบัตรประชาชนชาวต่างด้าวที่เป็นแรงงานในประเทศไทย มาลงทะเบียน
ต่อมา วันที่ 13 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับอนุมัติหมายศาล จึงได้ลงพื้นที่ตรวจค้น 2 จุดพร้อมกัน จุดแรกในเขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร พบของกลางเป็น ซิมมือถือ ที่ลงทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรวมกันกว่าหนึ่งแสนหมายเลข พบว่าเป็นซิมที่ลงทะเบียนโดยบัตรประชาชนชาวเมียนมาและกัมพูชา จำนวน 8,500 หมายเลข และที่ลงทะเบียนโดยเจ้าของร้านที่เป็นคนไทย อีกจำนวน 1,500 หมายเลข รวมยึดเพื่อตรวจสอบทั้งสิ้น จำนวน 10,000 หมายเลข และได้ยึดคอมพิวเตอร์และเครื่องโทรศัพท์ดัดแปลงสำหรับใช้ลงทะเบียน จำนวน 9 เครื่อง
ในจุดที่ 2 ที่อำเภอขุนตาลจังหวัดเชียงราย เป็นร้านขายโทรศัพท์และอุปกรณ์ ร้านดังกล่าวจะไม่มีการเก็บซิมมือถือสำรอง หากลูกค้าต้องการเมื่อใดต้องสั่งจองล่วงหน้า ผลการตรวจค้นพบภาพถ่ายบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยจำนวนมาก และพบไฟล์สั่งซื้อ ซิมโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนแล้วอีกหลายรายการ จึงได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อสืบสวนและนำเข้าคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง เพื่อเสนอเป็นคดีพิเศษการสั่งซื้อซิมโทรศัพท์ในลักษณะดังกล่าว อาจจะมีการนำไปใช้ก่อเหตุอาชญากรรม ทั้งการเปิดเว็บพนัน การหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชน แอปพลิเคชันปล่อยเงินกู้ และบางส่วนอาจจะเกี่ยวกับการฟอกเงินในขบวนการค้ายาเสพติด การก่อการร้าย เพราะเมื่อมีซิมที่ลงทะเบียนแล้ว สามารถเปิดบัญชีธนาคารผ่านออนไลน์ได้
ทั้งนี้ ผู้ประกาศขาย ซิมมือถือ ผู้ลงทะเบียน และผู้ใช้ อาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) และ (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม จำหน่ายหรือมีไว้ครอบครอง ใช้หรือมีไว้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม มาตรา 269/1 และมาตรา 269/4 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 7 ปี ปรับ 20,000 - 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ควรจะต้องมีการควบคุมและสอดส่องดูแลเรื่องนี้ให้ดี อาจจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ให้มีความรัดกุมมากกว่านี้ ทางค่ายผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือก็เช่นเดียวกัน ต้องมีความรอบคอบในการปล่อยซิมออกมาให้กับตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ไม่ใช่แค่ขายออกมาอย่างเดียว ต้องมีการคัดกรองที่เข้มงวด รวมถึงการสอดส่องดูแลพนักงานที่แอบนำออกมาขายด้วย เพราะถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนและความเสียหายให้กับประเทศชาติและประชาชน นอกจากนี้ ตนต้องขอเตือนประชาชนให้ระวังการนำหมายเลขบัตรประชาชนไปลงทะเบียนซิม และอย่ารับจ้างเปิดหมายเลขและบัญชีธนาคารเด็ดขาด เพราะท่านอาจจะกลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง