"สิบตำรวจตรี" บิ๊กไบค์ โกนหัวบวชให้ "หมอกระต่าย" บช.น.ชี้แจง ไม่ใช่ศพนิรนาม

จากกรณี พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ "หมอกระต่าย" ซึ่งถูก "สิบตำรวจตรี" นรวิชญ์ บัวดก ตำรวจประจำ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ขับขี่รถจักรยานยนต์ แบบบิ๊กไบค์ พุ่งชนระหว่างเดินข้ามทางม้าลาย จนทำให้เสียชีวิต ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุ  สิบตำรวจตรี นรวิชญ์ ได้เดินทางไปกราบขอขมากับบิดา-มารดาของ "พญ.วราลัคน์" หรือ "หมอกระต่าย" ซึ่งจากเหตุการณที่เกิดขึ้นทำให้ถูกตั้ง 7 ข้อหา กรณีขับรถโดยประมาท จนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต 

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น ฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ร่วมกันแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงความเสียใจกรณีสิบตำรวจตรี นรวิชญ์ บัวดก ตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน หรือ อคฝ. ขับขี่รถจักรยายนต์บิ๊กไบค์ ชนแพทย์หญิงวราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจักษุวิทยา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสียชีวิต
 

ทั้งนี้ ก่อนการแถลงข่าว พลตำรวจตรีจิรสันต์ ได้นำตำรวจร่วมยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 1 นาที ต่อเหตุการณ์การเสียชีวิตของ "หมอกระต่าย"  ขณะเดียวกัน สิบตำรวจตรี นรวิชญ์ ได้เตรียมบวช เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต อีกด้วย

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวยืนยันว่า การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ได้รับบาดเจ็บ หลังไปรักษาอาการ จากนั้นได้กลับมามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยถูกแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 7 ข้อหา ฐานขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ , ฐานนำรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน , ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย , นำรถที่มีส่วนควบไม่ครบมาวิ่ง (กระจกมองหลัง) , ไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง และความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.รถยนต์ฯ ฐานฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี และไม่หยุดรถให้ผู้ใช้ทางม้าลาย

สำหรับสำนวนคดี คาดว่า ภายในวันที่ 11 กุมภาพันธ์​ จะส่งสำนวน พร้อมตัวผู้ต้องหา ให้กับทางพนักงานอัยการ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลได้ทันที ซึ่งเบื้องต้น ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ และเมื่อเข้ามอบตัว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยไม่ใช่ถูกจับกุมตามความผิดซึ่งหน้า หรือถูกจับกุมตามหมายจับ ตามหลักกฎหมายแล้ว ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาโดยไม่ต้องใช้หลักประกัน บรรทัดฐานนี้ใช้กับผู้ต้องหาทุกคน ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ และมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์หลังเข้ามอบตัว ซึ่งไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย
 

นอกจากนี้หลังเกิดเหตุ ทางกองบังคับการอารักขา และควบคุมฝูงชน ซึ่งเป็นต้นสังกัด ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางอาญาและวินัยแล้ว โดยยืนยันจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด 

ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ตำรวจเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ไว้นาน 2 ชั่วโมง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลชี้แจงว่า ในช่วงเกิดเหตุนั้นพนักงานสอบสวนที่ไปตรวจที่เกิดเหตุและเก็บพยานหลักฐานต่างๆไว้ เพื่อตรวจสอบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลใด จะได้ประสานทางครอบครัว ซึ่งในช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นยังไม่เสียชีวิต จึงใช้เวลาให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบพยานกล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด แต่ในกรอบระยะเวลาที่ดำเนินการนั้น พบว่า ผู้เสียชีวิตได้เสียชีวิตแล้ว และมีเพื่อนซึ่งเป็นพยาบาล ได้โทรศัพท์เข้ามายังโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิต เพื่อตามให้ไปเข้าเวร จึงยืนยันได้ว่า ผู้เสียชีวิตเป็นใคร

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวยืนยันว่า รถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุ มีหลักฐานว่า ผู้ก่อเหตุไปซื้อมาเป็นรถมือสอง ในวันที่ 14 ธันวาคมปีที่แล้ว ในราคาประมาณ 1 แสน 1 หมื่นบาท โดยมีหลักฐานการโอนลอย และหลักฐานสำคัญในการซื้อขายต่างๆ ยืนยันได้ทุกประการ ดังนั้น จึงไม่ใช่รถจักรยานยนต์ของกลาง ตามที่สื่อสังคมออนไลน์ นำมากล่าวหา และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากจะขอวิงวอน ให้สังคมยุติการส่งต่อคลิป หรือ ข้อมูล ที่กระทบต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต หรืออาจเป็นข้อมูลที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง

ขณะที่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ชี้แจงว่าพนักงานสอบสวน ทำอะไรไปบ้างในกรอบระยะเวลา 2 ชั่วโมง จึงไม่ประสานกับโรงพยาบาล หรือ ครอบครัว ให้ทราบ โดยยืนยันว่า หลังรับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุเฉี่ยวชน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจปฏิบัติงานตามขั้นตอน มีการประสานกับชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบพยานหลักฐาน และกล้องวงจรปิด แต่หลักฐานที่ได้ คือ โทรศัพท์ของผู้เสียชีวิต ตำรวจไม่สามารถปลดล็อคได้

กระทั่งเวลาประมาณ 16.30 น. มีเพื่อนผู้เสียชีวิต ได้โทรศัพท์เข้ามา ตำรวจจึงแจ้งให้ช่วยประสานกับทางผู้บังคับบัญชาของผู้เสียชีวิต หรือติดต่อครอบครัว เพื่อยืนยันตัวตนของผู้เสียชีวิต "หมอกระต่าย"