หนุ่มหึงโหด "แค้นถูกตีท้ายครัว" นั่งซดเหล้าย้อมใจ คว้าเหล็กกระหน่ำชายชู้

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ นำกำลังเข้าจับกุม นายวิษณุ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหา ในคดีทำร้ายร่างกายชายหนุ่มรายหนึ่ง ซึ่งเป็นกิ๊กกับแฟนสาว "แค้นถูกตีท้ายครัว" โดยหลังก่อเหตุทำร้ายร่างกายแล้ว จึงนำตัวไปปล่อยทิ้งกลางถนน ในสภาพเปลือยกาย 

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2553 ขณะที่นายวิษณุ ได้คบหาอยู่ด้วยกันกับ น.ส.ปลา (นามสมมติ) อายุ 29 ปี กระทั่งนายวิษณุ ทราบว่า น.ส.ปลา ได้แอบไปมีความสัมพันธ์ กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ในระหว่างที่นายวิษณุ ออกไปทำงาน จึงเกิดความหึงหวง

กระทั่งต่อมานายวิษณุ จึงได้วางแผนเพื่อเตรียมที่ก่อเหตุ โดยได้ดื่มสุราย้อมใจ พร้อมกับนำท่อนเหล็กไปดักรอ บริเวณข้างร้านเช่าซีดีแห่งหนึ่งใน อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ที่ น.ส.ปลา ทำงานอยู่ 
 

โดยเมื่อนายวิษณุ เห็นกิ๊กหนุ่มของแฟนสาว กำลังเดินมาหา น.ส.ปลา จึงได้ใช้ท่อนเหล็กที่เตรียมมาตี กระหน่ำตีไปที่ศีรษะของผู้เสียหาย ถึง 3 ครั้ง จากนั้นได้ใช้ท่อนเหล็ก บังคับให้ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์ โดยนายวิษณุ นั่งซ้อนท้ายไปด้วย ซึ่งได้ขับขี่รถจยย. เข้าไปในชุมชนเขาน้ำแดง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี 

เมื่อไปถึงย่านชุมชน นายวิษณุ ได้บังคับให้ผู้เสียหายถอดเสื้อผ้าออก จนร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นบังคับให้ผู้เสียหายวิ่งไปตามถนนในชุมชน เพื่อเป็นการประจาน หวังให้เกิดความอับอาย ก่อนที่ นายวิษณุ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ และนำรถไปจอดทิ้งไว้ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 7 กิโลเมตร 

ต่อมาผู้เสียหายได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ดำเนินคดีกับนายวิษณุ โดยศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาเอาไว้ได้ในเวลาต่อมา พร้อมนำตัวส่งฟ้องศาล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

อย่างไรก็ตาม ต่อมา เมื่อผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว ในระหว่างที่คดีอยู่ในชั้นพิจารณาของศาล แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนี ไม่ไปศาลตามที่ได้มีการนัดหมาย ดังนั้น ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ออกหมายจับผู้ต้องหา เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีอีกครั้ง

จนกระทั่ง ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาทำงานก่อสร้างอยู่ที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จึงได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณลานจอดรถโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ต.ไสหร้า อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จากการสอบถามในเบื้องต้น ผู้ต้องหา รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา "ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อร่างกาย ลักทรัพย์ จำเลยไม่มารายงานตัวตามกำหนดนัด มีพฤติการณ์หลบหนี" ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป