ข่าว

ดีอีเอส เร่งเครื่อง เปิดศักราชใหม่ ขับเคลื่อนปลดล็อค "บุหรี่ไฟฟ้า"

ดีอีเอส เร่งเครื่อง เปิดศักราชใหม่ ขับเคลื่อนปลดล็อค "บุหรี่ไฟฟ้า"

22 ม.ค. 2565

ดีอีเอส เร่งเครื่อง เปิดศักราชใหม่ ขับเคลื่อนปลดล็อค "บุหรี่ไฟฟ้า" ส.ส. ก้าวไกล - เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า ชูมือสนับสนุน

เครือข่ายผู้ใช้ "บุหรี่ไฟฟ้า" หนุน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ตั้งคณะทำงานศึกษาปลดล๊อก "บุหรี่ไฟฟ้า" ชี้ผลดีในการเก็บภาษีเข้าประเทศและให้ทางเลือกกับประชาชนในแง่การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบ "บุหรี่" ชี้ชัดโลกเทรนด์โลกเปลี่ยนไป จับเท่าไหร่ก็ไม่หมด ประเทศชาติเสียประโยชน์ทั้งด้านสาธารณสุขและด้านภาษี และเปิดให้ผู้สนับสนุนร่วมกันลงชื่อเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม

 

นายอาสา ศาลิคุปต เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) และเฟซบุคเพจ บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 แสนคน เผยหลังพบกับ รมต. ดีอีเอส ว่า พวกเราสนับสนุนความตั้งใจของ รมต. ชัยวุฒิ ในการตั้งคณะทำงานที่เป็นกลางเพื่อศึกษาทางเลือกในการใช้ "บุหรี่ไฟฟ้า" แบบถูกกฎหมาย เช่นเดียวกับที่มีการปลดล็อคกระท่อมและกัญชา ทั้งที่เป็นยาเสพติดมาก่อน และหวังว่าการตั้งคณะทำงานในครั้งนี้จะมีความโปร่งใส เปิดรับฟังเสียงจากประชาชนอย่างแท้จริงและเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้มีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล เราเชื่อว่าการปลดล็อคบุหรี่ไฟฟ้าและนำมาควบคุมให้ถูกกฎหมายจะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดอัตราการสูบบุหรี่ ช่วยให้คนในสังคมห่างไกลอันตรายจากควันบุหรี่ ป้องกันการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนได้

 

 

และกรมสรรพสามิตสามารถเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษที่อัตราการสูบบุหรี่ลดลงได้ เพราะมีการสนับสนุนให้ใช้ "บุหรี่ไฟฟ้า" ทำให้นิวซีแลนด์และฟิลิปปินส์ที่ต้องการลดปัญหาการสูบบุหรี่ในประเทศ ก็ได้ร่างกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบไร้ควันให้แตกต่างจากการควบคุมบุหรี่และไม่แบนด้วย

ดีอีเอส เร่งเครื่อง เปิดศักราชใหม่ ขับเคลื่อนปลดล็อค \"บุหรี่ไฟฟ้า\"

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ กล่าวเสริมว่า เราเริ่มมีความหวังว่าเสียงของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งวันนี้น่าจะมีประมาณ 5 แสน – 2 ล้านคน และผู้สูบบุหรี่ประมาณ 10 ล้านคนที่สูญเสียโอกาสในการเข้าถึงผลิตภัณ์ที่มีอันตรายน้อยกว่าเหมือนประเทศอื่น ๆ ได้รับการรับฟังจากภาครัฐมากขึ้น ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นข่าวจากอังกฤษ นิวซีแลนด์

 

หรือประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ที่มีความเคลื่อนไหวกันไปในแนวโน้มหันมาสนับสนุนการใช้ "บุหรี่ไฟฟ้า" ทดแทนบุหรี่ซิกาแรตแบบเผาไหม้ ด้วยเหตุผลว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นสามารถลดสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้มากกว่า

โดยเฉพาะในกรณีของคนสูบบุหรี่ที่ต้องการสารนิโคติน ที่ยังไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้เฉียบพลันทันทีทันใด แม้ว่าฝ่ายต่อต้านจะยังพยายามอ้างถึงหรือนำเสนอข้อมูลด้านลบเกี่ยวกับ "บุหรี่ไฟฟ้า"

 

แต่หลักฐานงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หรือนโยบายต่างประเทศที่เราพยายามหยิบมาเผยแพร่ก็ช่วยยืนยันได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับคนที่สูบบุหรี่ และหลายประเทศก็สามารถลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ได้จึงควบคุมให้เป็นสินค้าที่ถูกกฎหมายในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

 

นอกจากนี้ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. กทม. พรรคก้าวไกล ยังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า  ผมเป็นคนหนึ่งที่พยายามผลักดันเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ ผมเคยได้ยื่นกระทู้ถามไปยัง รมว.พาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการหรือแนวทางที่จะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าถูกกฎหมายหรือไม่ เพราะเชื่อว่าการที่บุหรี่ไฟฟ้าถูกแบนอยู่เช่นนี้ทำให้ประชาชน รัฐบาล และการยาสูบแห่งประเทศไทยเสียประโยชน์ 

 

พร้อมทิ้งท้ายด้วยว่า จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนสายควันจนกว่าเรื่องนี้จะถึงฝันเสียที  โดยโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นสนับสนุนและแสดงความขอบคุณเป็นจำนวนมาก เช่นผู้ใช้รายหนึ่งที่ใช้ชื่อบัญชีว่า Nawin ระบุว่า สนับสนุนครับ ทุกคนควรมีสิทธิเลือกครับ ผมเห็นด้วยที่ให้ถูกกฎหมายครับ ด้านเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อ Samran ให้ความเห็นว่า ขอบคุณครับ เรื่องนี้มันอยู่ใต้ดินมานาน ควรทำให้ถูกกฎหมายแบบประเทศอื่นๆ