5 ผู้ต้องหาคดียิง "เสือโคร่ง" ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมสิทธิมนุษยนชนแห่งชาติ บอกทำความผิดเฉพาะตัว แต่ถูกไล่ออกยกบ้าน ถือว่าไม่เป็นธรรม โอดต้องรับเคราะห์ เสือหนีสงครามจนข้ามเขตมากัดกินวัวควาย แถมเสี่ยงกัดคน แต่ทำอะไรไม่ได้
จากกรณีที่ นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) สั่งการให้ นายกมลาศ อิสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ติดประกาศคำสั่งที่บ้านของผู้ต้องหาคดียิงเสือโคร่ง 5 คน ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ให้ทั้ง 5 คน พร้อมผู้ที่อยู่ในบ้านออกไปจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และต้องรื้อถอนบ้าน ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2565 มิฉะนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (1) ฐานยึดถือครอบครอง ที่ดินภายในเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 4 แสนบาท ถึง 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันนี้ผู้ถูกดำเนินคดีทั้ง 5 คน คือ นายกูกือ ยินดี , นายศุภชัย เจริญทรัพย์ , นายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ , นายจอแห่ง พนารักษ์ และนายโชเอ ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือเร่งด่วน ส่งถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงนามโดย นายกูกือ 1 ในผู้ถูกดำเนินคดี เนื้อหาในหนังสือดังนี้
ด้าน นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ต้องหาทั้ง 5 คน และเครือญาติ ได้รับการผ่อนปรนให้อยู่อาศัยในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 มิถุนายน 2541 แต่ก็มีบัญญัติว่า ถ้ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่ หรือขยายพื้นที่อยู่อาศัย ที่ทำกินเพิ่มเติม หรือเป็นการทำลาย หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาป่า หรือสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเฉียบขาด และเพื่อป้องกันมิให้มีการยึดถือครอบครองพื้นที่ ให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ สั่งให้ผู้กระทำความผิดออกจากพื้นที่ ทำลาย รื้อถอน และหรือ ดำเนินการอื่น ๆ ตามกฎหมายกำหนด เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกา 2480/ 2541 เนื่องจากการล่าเสือโคร่ง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและใกล้สูญพันธ์ จึงต้องแสดงความเด็ดขาดในการบังคับใช้กฎหมายทุกมิติ เป็นการป้องปรามไปในตัว เพื่อมิให้เกิดเป็นเยี่ยงอย่างในการล่าเสือโคร่งอีก
การที่ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ล่าเสือโคร่งที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธุ์ หรือกระทำการผิดกฎหมายข้อหาอื่น ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ส่วนเครือญาติและผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้าน รู้ หรือ ควรรู้ ในเรื่องดังกล่าว กลับไม่ห้ามปราม การกระทำในลักษณะดังกล่าว กระทบกระเทือนต่อการรักษาป่าและสิ่งแวดล้อม เป็นการฝ่าฝืนหรือผิดเงื่อนไข จึงต้องออกจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และต้องทำลาย รื้อถอน บ้านหรือโรงเรือน ไปให้พ้นจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง