ข่าว

"ตุ่มน้ำพอง" ปฏิกิริยาหลังฉีด "วัคซีนโควิด-19" เกิดไม่มาก แต่สามารถเกิดได้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สถาบันโรคผิวหนัง เผย "ตุ่มน้ำพอง" หลังการฉีด "วัคซีนโควิด-19" อาจเป็นเหตุการณ์ที่เกิดร่วมกันหรือเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากวัคซีนโควิดได้ ซึ่งจะพบได้ไม่มาก ทั้งนี้ โรคตุ่มน้ำพองใสไม่ใช่โรคติดต่อและสามารถรักษาให้หายได้

นายแพทย์สมศักดิ์   อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า  ตามที่มีข่าวเผยแพร่ใน Social  เรื่องการเกิดโรค "ตุ่มน้ำพอง" หลังได้รับการฉีด "วัคซีนโควิด-19" นั้น ขอเรียนว่า โรคตุ่มน้ำพองใส เป็นกลุ่มโรคผิวหนังที่พบไม่บ่อย แบ่งออกเป็น 2 โรค คือ โรคเพมฟิกัส มีอุบัติการณ์ 0.5 - 3.2 รายต่อประชากรแสนคน และโรคเพมฟิกอยด์ อุบัติการณ์ 2 - 22 รายต่อประชากรล้านคน ทั้งสองโรคมีอาการคล้ายคลึงกันคือมีตุ่มน้ำพองใส เกิดขึ้นที่ผิวหนังและเยื่อบุ เมื่อ "ตุ่มน้ำพอง" แตกจะกลายเป็นแผลถลอกตามร่างกาย

อาการของโรคจะเป็นเรื้อรัง มีช่วงที่โรคกำเริบและโรคสงบได้  ทั้งนี้ การเกิดโรค "ตุ่มน้ำพอง" มีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากผลข้างเคียงหลังได้รับการฉีด "วัคซีนโควิด-19"  ซึ่งจะพบได้น้อย

 

ในต่างประเทศเคยมีรายงานข้อมูลอาการข้างเคียงทางผิวหนัง ในช่วงเดือนธันวาคม 2563 ถึง เดือนเมษายน 2564 หลังได้รับ "วัคซีนโควิด-19" พบว่าการเกิด "ตุ่มน้ำพอง" หลังจากฉีด "วัคซีนโควิด -19" ชนิด mRNA มี 12 ราย โดย 7 ราย หายในระยะเวลาเฉลี่ย 3 สัปดาห์ และอีก 5 ราย มีการดำเนินโรคต่อเนื่องต้องเข้ารับการรักษา

"ตุ่มน้ำพอง" ปฏิกิริยาหลังฉีด "วัคซีนโควิด-19" เกิดไม่มาก แต่สามารถเกิดได้

นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้ป่วยเป็นโรค "ตุ่มน้ำพอง" หลังฉีดวัคซีนชนิดไวรัสเว็กเตอร์ด้วยเช่นกัน ปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์เพียงพอที่จะสามารถระบุได้ว่า การเกิดโรค "ตุ่มน้ำพอง" หลังฉีดวัคซีน เป็นเหตุการณ์ที่เกิดร่วมกันหรือเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากวัคซีน โดยอาจเป็นไปได้ว่าการออกฤทธิ์ของวัคซีนที่กระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานต่อไวรัส เกี่ยวข้องกับการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญในการเกิดโรคผิวหนังหลายชนิด หรือโปรตีนบางอย่างที่เป็นส่วนประกอบของวัคซีนอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ภูมิตัวเองโดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยทางพันธุกรรมในการเกิดโรคอยู่ก่อนแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่า การได้รับ "วัคซีนโควิด-19" นั้นมีผลดีมากกว่าผลเสีย 

"ตุ่มน้ำพอง" ปฏิกิริยาหลังฉีด "วัคซีนโควิด-19" เกิดไม่มาก แต่สามารถเกิดได้

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ  วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า โรคนี้วินิจฉัยจากประวัติและอาการทางผิวหนัง ร่วมกับการตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา ซึ่งมีลักษณะเฉพาะโรค คือ การพบการแยกตัวออกจากกันของชั้นผิวหนัง ยาที่ใช้รักษาหลักคือ ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ผู้ป่วยที่มีความรุนแรงของโรคมากหรือมีผื่นในบริเวณกว้างก็จำเป็นต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกันชนิดอื่น ๆ เช่น ยา cyclophosphamide หรือยา azathioprine ร่วมด้วย ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าในการรักษาด้วยยาฉีดกลุ่มชีวะโมเลกุลซึ่งควบคุมโรคได้ดีและมีผลให้โรคสงบได้นาน

"ตุ่มน้ำพอง" ปฏิกิริยาหลังฉีด "วัคซีนโควิด-19" เกิดไม่มาก แต่สามารถเกิดได้
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง  กล่าวด้วยว่า การรักษาโรค "ตุ่มน้ำพอง" ควรรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาและเพื่อช่วยให้การหายของโรคเร็วขึ้น หากสงสัยว่าเป็นโรค "ตุ่มน้ำพอง" แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง  และค่ารักษาพยาบาลสามารถครอบคลุมค่ารักษาในระบบสาธารณสุขทั้งประกันสังคมและ 30 บาทรักษาทุกโรค


หากต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรค "ตุ่มน้ำพอง" สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่ https://www.iod.go.th/category/info

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ