"ดอยคำ" ร่วมรักษ์ช้าง ผลักดันไม้ "ฝาง" เพื่อเกษตรกรไทย

บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง โครงการ “ดอยคำร่วมรักษ์ช้าง ผลักดันไม้ฝาง เพื่อเกษตรกรไทย”  ระหว่าง บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักษ์ช้างรักษาป่าตะวันออก (ปม.) เพื่อนำแก่นฝางมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ภายใต้แนวคิด สนับสนุนการแก้ปัญหาช้างบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรม ที่นิคมเกษตรกรรมทหารผ่านศึกทรายขาว องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมถ์ อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันก่อน

 

 

พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เป็นบริษัทต้นแบบธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่ดำเนินงานทั้งการผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารแปรรูปจากผลผลิตเกษตรในชุมชน โดยมุ่งมั่นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยต่อการบริโภค ด้วยการใช้แนวทางบริหารตามศาสตร์พระราชา ควบคู่ไปกับการมุ่งพัฒนาชุมชน ให้เกิดความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างยั่งยืน

 

 

“การลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการ “ดอยคำร่วมรักษ์ช้าง ผลักดันไม้ฝาง เพื่อเกษตรกรไทย” ครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกฝางในระบบวนเกษตรเป็นวัตถุดิบในภาคตะวันออก ส่งให้กับ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด โดยไม่เบียดเบียนป่าธรรมชาติ แต่จะเป็นวิธีในการสร้างป่าที่เกิดจากความร่วมมือของประชาชน โดยฝางในพื้นที่ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ดอยคำจะนำมาเป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์เป็นน้ำสมุนไพร โดยหวังว่าจะเป็นเครื่องดื่มดับกระหาย และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพให้กับทุกคน”  กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าว

 

 

ด้าน ทวีศักดิ์ เลาหวิโรจน์ รองผู้จัดการใหญ่ (ด้านนวัตกรรมและการผลิต) บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เปิดเผยว่า ดอยคำพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มาจากสมุนไพรมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับ น้ำสมุนไพรพร้อมดื่มหลายชนิด ได้แก่ น้ำชาเขียว รสต้นตำรับ น้ำตะไคร้ผสมขิงและใบเตย น้ำมะขามผสมน้ำผึ้ง น้ำมะตูม น้ำเก๊กฮวยและคาโมไมล์ น้ำเจียวกู้หลานและดอกคำฝอย น้ำเห็ดหลินจือผสมน้ำผึ้ง รวมถึงเครื่องดื่มเข้มข้น เช่น เครื่องดื่มกระชายสกัดเข้มข้นผสมน้ำผึ้งและมะนาว เครื่องดื่มเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้นผสมน้ำผึ้งและมะนาว เครื่องดื่มตรีผลาสกัดเข้มข้น และผลิตภัณฑ์ใหม่ สารสกัดฟ้าทะลายโจร

 

 

 

"สำหรับฝาง ดอยคำได้พัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์โดยใช้แก่นฝางมาพัฒนาเป็นน้ำสมุนไพร แต่เนื่องจากฝางมีรสจืด ทางทีมวิจัยผลิตภัณฑ์ดอยคำจึงได้นำมาผสมกับสมุนไพรตัวอื่น ได้แก่ ดอกคำฝอย มะลิ ใบเตย และรากบัว เข้ามาผสม เพื่อให้เกิดรสชาติและเพิ่มมูลค่า โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป เราเล็งเห็นว่าแก่นฝางมีสารสำคัญ จากงานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย ศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ พบว่ามีสารสำคัญสำคัญคือ "บราซิลิน" และ "บาร์ซิเลอีน" ซึ่งมีความสามารถในการต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ และสามารถต่อต้านเชื้อไวรัสรวมถึงเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ได้ด้วย โครงการนี้นอกจากทางเราจะได้ช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องผลผลิตแล้วแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการแก้ปัญหาช้างบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรมอีกด้วย" รองผู้จัดการใหญ่ (ด้านนวัตกรรมและการผลิต) เผย 

 

 

ขณะที่ รักษา สุนินทบูรณ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักษ์ช้างรักษาป่าตะวันออก (ปม.) ให้ข้อมูลว่า วิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักษ์ช้างฯ จัดตั้งขึ้นมาจากมติของประชาชนผู้ที่ประสบภัยช้างบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรมในภาคตะวันออก ด้วยการสนับสนุนและผลักดันโดยสถานีวนวัฒนวิจัยเขาสอยดาว กรมป่าไม้ เมื่อปี พ.ศ.2559 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คน ช้าง และสัตว์ป่าน้อยใหญ่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และสามารถมีชีวิตที่ปลอดภัย และยังต้องการสร้างป่าให้สมบูรณ์พร้อมระบบนิเวศ และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน และสิ่งสำคัญคือเพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาปัญหาช้างกับคนนั้นเกิดจากการที่ชาวบ้านสูญเสียทรัพย์สิน สูญเสียผลิตผลทางการเกษตร ไปจนถึงสูญเสียชีวิต

 

 

 

 

 

 

“จากการที่ผมศึกษาข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 พบว่า “ฝาง” เป็นต้นไม้ที่สามารถเจริญเติบโตในทุกสภาพภูมิอากาศภูมิประเทศในประเทศไทย สามารถปลูกร่วมกับไม้ชนิดอื่นๆ ได้โดยไม่มีปัญหาในระบบนิเวศ เป็นต้นไม้ที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูก โดยเฉพาะประชาชนผู้ประสบปัญหาช้างบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรม เนื่องจากช้างป่าไม่กินและไม่ทำลาย อีกทั้ง “ฝาง” ยังมีคุณสมบัติที่มหัศจรรย์มากเพราะสามารถต้านไวรัสได้ทุกตัว และยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นสินค้าอุปโภคและบริโภค ต่างๆ ได้มากมาย จึงเกิดความมั่นใจว่า “ฝาง” น่าจะเป็นทางเลือกที่สำคัญสำหรับพี่น้องที่เดือดร้อนจากช้างป่า เพราะที่ผ่านมาเราพยายามมองหาต้นไม้ที่จะทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพื่อให้ชาวบ้านลดความเดือดร้อนลง

 

 

จากนั้นผมจึงนำ “ฝาง” มาทดลองทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ กระทั่งปี 2559 เกิดความมั่นใจว่า “ฝาง” จะทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ภายให้ศักยภาพที่มีอยู่ จึงเชิญพี่น้องเกษตรกรที่ประสบปัญหาเรื่องช้างมาตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักษ์ช้างฯ โดยนำ “แก่นฝาง” มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ สบู่ เครื่องดื่มสมุนไพร ฝางผสมสุนไพรชงดื่ม ข้าวหอมมะลิเคลือบฝาง เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี แต่เมื่อเกิดโควิด 19 ทำให้เกิดปัญหาขึ้น และตอนนั้นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ดอยคำถึงสรรพคุณของ ”ฝาง” จนนำมาสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้

 

 

 

ทั้งนี้เราตั้งเป้าว่าแนวคิดนี้จะสามารถแก้ปัญหาใน 6 จังหวัดทางภาคตะวันออก ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และสระแก้ว แต่ตอนนี้ปัญหาช้างป่าลงมากินผลผลิตของเกษตรกรกระจายไปในหลายพื้นที่ แนวคิดนี้จึงสามารถเป็นตัวอย่างให้กับภูมิภาคอื่นๆ โดยเราจะปั้นให้เป็นภาพชัดเจนในภาคตะวันออกก่อน เพื่อนำสู่ภูมิภาคอื่นๆ หรือแม้กระทั่งประเทศในภูมิภาคอาเซียนต่อไป