"คนละครึ่งเฟส 4" ดีเดย์ลงทะเบียน 14 ก.พ.ใช้จ่ายเร็วขึ้น เช็คเงื่อนไขด่วน

อัปเดต "โครงการคนละครึ่งเฟส 4" นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งเร่งบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค โควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ที่ยังส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง เร่งรัดโครงการ ฯ ให้เร็วขึ้นจากเดิมที่ได้กำหนดระยะเวลาออกมาตรการไว้ประมาณช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2565 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สำหรับกระแสข่าวที่จะให้ประชาชนกลุ่มเก่าที่เคยได้รับสิทธิ์กดยืนยันสิทธิ์ และให้ประชาชนกลุ่มใหม่จำนวน 5 ล้าน คนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่งเฟส 4" โดยจะ เปิดให้ลงทะเบียน ในวันที่ 16 มกราคม 2565 นี้นั้น กระทรวงการคลังได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ไม่เป็นความจริง ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ 

สำหรับความคืบหน้าโครงการ "คนละครึ่งเฟส 4" หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 เห็นชอบโครงการ "คนละครึ่งเฟส 4" เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน ล่าสุดกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือสศค. ได้นำเสนอเรื่องดังกล่าว ให้แก่ คณะกรรมการกลั่นกองเงินกู้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แล้วแต่อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดดำเนินโครงการ ทั้งจำนวนสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมโครงการ ฯ , วันแรกที่จะเปิดรับลงทะเบียน ซึ่งเบื้องต้นจะสามารถเปิดลงทะเบียนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 และเริ่มใช้จ่ายได้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565



โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าสำหรับเงื่อนไข และรายละเอียด การได้รับตัววงเงินสิทธิ์เท่าใดนั้น ต้องให้คณะกรรมการกลั่นกรองเคาะอนุมัติวงเงินก่อน จากนั้นก็จะจัดทำแนวทางและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง จึงจะสามารถเปิดลงทะเบียน "คนละครึ่งเฟส 4" ให้กับประชาชนได้

ทั้งนี้วงเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการ "คนละครึ่งเฟส 4" นำมาจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฉุกเฉิน 5 แสนล้านบาท ที่ถูกจัดไว้เพื่อใช้ในการดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบกระทบจาก "โควิด-19" รวมถึงโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ยังมียอดใช้จ่ายไม่เต็มจำนวนโดยเหลือวงเงินที่ส่งคืนรัฐบาลอีก 1หมื่นล้านบาท 

ทั้งนี้โครงการ "คนละครึ่งเฟส 4" จะครอบคลุมทุกกลุ่มคนที่มีแอพเป๋าตัง และผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งโครงการอื่นที่ดูแล กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษควบคู่ไปพร้อมกัน โดยจะมีส่วนในการลดภาระของประชาชนช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ