
เพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่หลักสี่ รวมพลดาวสภาไล่รัฐบาล“ประยุทธ์”
เพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่หลักสี่ช่วย “สุรชาติ เทียนทอง” ผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 3 ของพรรคให้ได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. เติมเสียงในสภาฯ เสริมแกร่งฝ่ายค้านไล่รัฐบาล "ประยุทธ์" โดย นพ.“ชลน่าน” ประกาศตั้งทีมติดตามการใช้อำนาจไม่ชอบเพื่อให้ได้คะแนน และจับตาดูทั้งมือจ่าย-มือยิง
วันนี้ (14 ม.ค.) พรรคเพื่อไทย จัดปราศรัยใหญ่ครั้งที่ 1 นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 3 เขต 9 หลักสี่-จตุจักร นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรคที่เข้าร่วมให้กำลังใจในการปราศรัยในครั้งนี้อีกหลายคน
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความเชื่อมั่นและมีความภาคภูมิใจที่ได้ นายสุรชาติ เทียนทอง เข้ามาเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอีกครั้ง เพราะเป็นผู้แทนราษฎรด้วยหัวใจ ด้วยทุกครั้งที่นายสุรชาติลงพื้นที่ จะพูดเสมอว่า “จะรับใช้ด้วยหัวใจไม่เปลี่ยนแปลง” นอกจากนี้ในการเลือกตั้งซ่อมกรุงเทพมหานครครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. ได้ร่วมกันจัดตั้ง “คณะทำงานเพื่อติดตามดูแลการใช้อำนาจที่ไม่ชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนไม่ชอบ” เพื่อติดตามตรวจสอบการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จะมีทีมติดตามทุกคนที่เป็นมือจ่าย มือยิง มีทีมทำงานทั้งบนดินและใต้ดิน มีอาสาสมัครร่วมงานเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้พี่น้องประชาชนหลักสี่ จตุจักร รักษาบัตรประชาชนเอาไว้ เพื่อเลือกนายสุรชาติ เบอร์ 3 เข้าไปแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนเท่านั้น
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ปีนี้ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นปีที่ 8 เจอภาวะวิกฤตทุกด้าน ทั้งโรคระบาดในคน อย่างโควิด-19 โรคระบาดในสัตว์อย่าง อหิวาต์สุกร เจอวิกฤตแต่แก้วิกฤตไม่เป็น พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า “เศรษฐกิจแย่ คนแก้ต้องเพื่อไทย” เพราะมีบุคลากรผู้ทรงคุณค่า มีคณะกรรมการบริหารรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่ จะช่วยต่อยอดประเทศด้วยนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี
“อย่าให้ไฟดับ อย่าให้นับคะแนนช้า เลือกเบอร์ 3 ถ้านายสุรชาติจะชนะ ถือเป็นการบอกพลเอกประยุทธ์ว่า หมดเวลาของท่านแล้ว พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นในศรัทธาของพี่น้องประชาชน” นายแพทย์ชลน่านกล่าว
ด้าน นายสุรชาติ เทียนทอง กล่าวปราศรัย ว่า การเป็น ส.ส. คือความฝันและพี่น้องเคยทำให้ความฝันนั้นเป็นจริงมาแล้ว แต่ระยะเวลาขณะนั้นพียงแค่ 2 ปีกว่าๆ ถือว่าสั้นเกินไปที่จะใช้ตำแหน่งหน้าที่ทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน เพราะหลังจากนั้นได้เกิดการรัฐประหารขึ้น แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 7-8 ปีที่ผ่านมาได้ใช้เวลาในการหาความหมายที่แท้จริงของผู้แทนราษฎร
“17 ปีของการทำงานการเมือง ผมทุ่มเทเพื่อพิสูจน์สิ่งเหล่านี้มาโดยตลอดเพื่อเป็นผู้แทนราษฎรของประชาชน” นายสุรชาติ กล่าวและว่า “ประเทศไทย ไม่เคยขาดคนเก่ง คนเก่งและคนมีความรู้มีอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ประเทศนี้ขาดมาตลอด คือคนที่คิดเป็นและทำงานให้พี่น้องประชาชนตลอดชีวิต ผมขอเป็นคนคนๆ นั้น"
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับประชาชนชาวหลักสี่ จตุจักรที่จะได้เลือกตั้งอีกครั้ง ได้โอกาสที่จะหลุดพ้นออกจากกองทุกข์ หลายพื้นที่ต้องเสียโอกาสชีวิตนับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2562 และต้องทนกับรัฐบาลชุดนี้ไปจนกว่าจะยุบสภา และหากเลือกผู้สมัคร ส.ส. ที่ไม่แสดงตัวตนชัดเจนว่าจะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือเรียกว่า แทงกั๊กหรืออีแอบ
จึงอยากให้พี่น้องประชาชนชาวหลักสี่ จตุจักร คิดให้ถี่ถ้วนในการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากนี้นายสุทินได้ถามประชาชนว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่พลเอกประยุทธ์เป็นผู้นำรัฐบาลใครรวยขึ้น ใครที่ยากจนลง และยังมีปัญหามากมายที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เช่น ปัญหาราคาเนื้อหมูแพง เป็นต้น หากพี่น้องประชาชนอยากได้ผู้แทนที่ฟังเสียงประชาชน เพื่อช่วยกันเสริมเขี้ยวเล็บ เสริมกำลังให้ฝ่ายค้านเพิ่มขึ้น พี่น้องประชาชนจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเป็นกระจกส่องรัฐบาลได้มากขึ้นจากการเลือกตั้งซ่อมกรุงเทพมหานคร เขต 9 ครั้งนี้
“เติมเสียงฝ่ายค้านหนึ่งคนมีพลังมากที่สุด เลือกตั้งครั้งนี้เลือกเพื่อชีวิต ทำให้รัฐบาลได้รู้ว่าสิ่งที่ได้รับรายงานจาก ส.ส.ของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ที่เคยเห็นดีเห็นงามด้วยกันนั้นผิด และไม่เคยเห็นหัวประชาชน” นายสุทินกล่าว
นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การขึ้นเวทีปราศรัยวันนี้ นอกจากจะมาในนาม ส.ส. พรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว ยังมาในนาม “เพื่อน” ของนายสุรชาติ เทียนทอง เพราะเกิดปีเดียวกัน เป็น ส.ส. ครั้งแรกสมัยเดียวกัน คือระหว่างปี 2554-2556 และนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ก็ได้เห็นนายสุรชาติทำงานพื้นที่อย่างจริงจังและทุ่มเท พร้อมช่วยเหลือประชาชน ทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนในทุกวินาที แม้จะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ในช่วงลงพื้นที่ช่วยนายสุรชาติหาเสียง ประชาชนได้มาขอบคุณนายสุรชาติ ที่ได้มอบ ‘ตะกร้ากักตัว’ ซึ่งบรรจุสิ่งของจำเป็นสำหรับผู้สงสัยติดเชื้อโควิดต้องใช้ในการกักตัวให้กับประชาชนและครอบครัวของเขาให้รอดชีวิตมาได้ เพราะความช่วยเหลือของนายสุรชาติ เพราะหากรอรับการบริการจากรัฐคงไม่ทันการ
นางสาวธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า บางกระแสมองว่านายสุรชาติทำแต่เรื่องฉีดยาวัคซีนหมาแมว ซึ่งแท้จริงแล้วในเรื่องเล็กนั้น คือเรื่องใหญ่ เพราะสิ่งที่ทำคือการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ส่วนการลงพื้นที่รับฟังปัญหาช่วยเหลือประชาชน คือสำนึกผู้แทนราษฎร ที่มีหัวใจคือประชาชน ทุกครั้งที่ประชาชนขอมา ต้องเดินทางไปหา สอบถาม พูดคุย เพื่อรับฟังนำไปแก้ไขปัญหา เพราะขาดการดูแลจากรัฐบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้แทนราษฎรภูมิใจที่จะทำเพื่อประชาชน
นายการุณ โหสกุล ส.ส. กทม. กล่าวว่า กว่า 365 วันต่อปีของนายสุรชาติไม่เคยห่างจากพี่น้องประชาชน แม้ในการเลือกตั้งในปี 2562 นายสุรชาติจะพ่ายแพ้การเลือกตั้ง แต่ไม่เคยย่อท้อ ยังคงทำงานลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไม่เคยใช้ชื่อเสียงของนายเสนาะ เทียนทอง ผู้เป็นบิดาในการเข้าสู่การเมือง ทั้งนี้ หน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบ่งเป็น 2 หน้าที่ได้แก่ สมาชิกสภา ที่ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติผลักดันกฎหมาย และอีกหน้าที่คือ ผู้แทนราษฎร ที่จะคอยเป็นปากเสียงให้พี่น้องประชาชน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาในที่สุด ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงสำคัญมาก ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนชาวหลักสี่ จตุจักร เลือกนายสุรชาติกลับมาเข้ามาทำงานเป็นผู้แทนราษฎร เพื่อศักดิ์ศรีของชาวหลักสี่ จตุจักรอีกครั้ง
ด้าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาประเทศโดยสิ้นเชิง ยิ่งอยู่ประเทศยิ่งเดือดร้อนไม่สิ้นสุด จึงถึงเวลาที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องผนึกกำลังสู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อยากให้พี่น้องชาวหลักสี่ จตุจักร สนับสนุนบุคคลที่มีศักยภาพเข้าสู่สภาให้ได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทย และนายสุรชาติ เทียนทอง ในฐานะผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย มีศักยภาพมากกว่าผู้สมัครผู้อื่นทุกด้าน
ทั้งนี้ การเลือกนายสุรชาติ เทียนทองกลับเข้าสู่สภาครั้งนี้ มีความหมายสำคัญถึง 3 อย่างคือ
1.พี่น้องประชาชนจัตุจักร-หลักสี่ จะได้ ส.ส. ที่ดีรับใช้ใกล้ชิดประชาชน
2.ช่วยสั่งสอนรัฐบาล ว่าอย่าเหลิง การใช้อำนาจรัฐ อำนาจเงิน ต่อไปนี้ประชาชนจะไม่ยอมอีกแล้ว
3.เลือกนายสุรชาติ เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“การเลือกตั้งครั้งนี้มีความหมายมาก เพราะจะเป็นเสมือนการพร้อมใจส่งสัญญาณให้ส่งเสียงดังไปทั่วประเทศ ว่าไม่เอารัฐบาลนี้แล้ว และครั้งหน้า ประชาชนจะพร้อมใจกันไม่เลือกพรรคฝ่ายรัฐบาล แต่จะเลือกพรรคเพื่อไทย เข้าไปทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน” นายจาตุรนต์กล่าว
สำหรับแกนนำพรรคที่เข้าร่วมปราศรัยและเข้าให้กำลังใจในครั้งนี้ นอกจากรายชื่อข้างต้นแล้ว ยังมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ รองหัวหน้าพรรค นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ส.ส.กทม. โฆษกพรรค นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส.กทม. นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคและกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นางพวงเพ็ชร ชุณละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานพื้นที่เขตเลือกตั้ง กทม.โซน 2 นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพื้นที่เขตเลือกตั้ง กทม.โซน 3รวมทั้ง ส.ส.หลายจังหวัด เช่น ขอนแก่น ปทุมธานี อดีต ส.ส. อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. รวมทั้งสมาชิกพรรค ณ ชุมชนเสนานิคม เข้าร่วมด้วย