อนุทิน ยัน "ข้อมูลวัคซีน" ไม่ได้รั่วจากสธ. ยันไม่มีนโยบายเผยข้อมูลการแพทย์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการให้สัมภาษณ์กรณีการลดวันกักตัวของกลุ่มเสี่ยงสูงว่า สำหรับกรณีการลดวันกักตัวของผู้ที่มีความเสี่ยงสูงนั้น ถ้ากรมควบคุมโรคประเมินแล้วว่าสถานการณ์ มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ก็จะตามมา ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยทำมาแล้วเมื่อครั้งที่เดลตาระบาด เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนอย่ากังวล เมื่อใดก็ตามที่ทางกระทรวงสาธารณสุขมั่นใจว่า สถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น สิ่งแรกที่เราจะต้องนึกถึงก็คือการผ่อนคลายมาตรการต่างๆเพื่อที่จะ ให้ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถ กลับมาใช้ชีวิตที่เป็นปกติ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

สำหรับการกักตัวในกลุ่มผู้เสี่ยงสูง 14 วันนั้น ขออย่ามองว่าเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน ทุกอย่าง ต้องมีหลักวิชาการ ทางการแพทย์ในการกำกับ จะใช้ความรู้สึกไม่ได้ว่านานหรือเร็ว ถ้ามันจำเป็นจะต้องนานเพราะถ้าไม่นานแล้วความเสี่ยงจะกระจาย ก็ต้องจำเป็น แต่หากพบว่ามีการสำรวจการติดตามผู้ป่วยและพบว่า ผู้ป่วยรายนั้นไม่มีเชื้อก็พร้อมที่จะปล่อยให้ใช้ชีวิตปกติได้ทันที ทั้งตัวผู้ป่วยเองและทั้งมาตรการด้วย

สำหรับกรณี ที่มี "ข้อมูลวัคซีน"หลุดออกมา ซึ่งเป็นเอกสารส่วนบุคคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้หลุดออกมาจากกระทรวงสาธารณสุข และไม่ได้มีมาตรการที่จะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปเผยแพร่กับใครอยู่แล้ว สำหรับข้อมูลการฉีดวัคซีนของบุคคลมีความจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้ หากถูกบลอคไว้หมด การใช้ข้อมูลเพื่อแสดงในการเข้าร้านอาหารถ้าไม่มีข้อมูลดังกล่าวใช้ในการแสดงจะทำอย่างไร รวมไปถึงการ แสดงข้อมูล เพื่อใช้ในการเดินทางไปยังต่างประเทศ การขอ Thailand pass การขออนุญาตอนุมัติ ในเรื่องต่างๆ จำเป็นที่จะต้องแสดงข้อมูลดังกล่าว ซึ่งในขณะนี้ได้มีการอำนวยความสะดวกในการใช้ข้อมูลดังกล่าวผ่านทุกช่องทางแพลตฟอร์มการสื่อสาร สะดวกที่สุด ก็คือโทรศัพท์มือถือ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งเหล่านี้ควรเป็นเรื่องที่ต้องดีใจ

สำหรับเรื่อง "ข้อมูลวัคซีน" รั่วไหล ไม่ได้เกิด จากกระทรวงสาธารณสุข ข้อมูลทางการแพทย์เป็นมาตรฐานโลกอยู่แล้ว ไม่ต้องมีกฎหมายพิเศษอะไร ส่วนที่ว่ารั่วไหลออกมาจากทางไหนนั้นหากใครที่ต้องการจะเอาเรื่องก็ต้องใช้กระบวนการยุติธรรมกันไป ยืนยันว่าไม่ได้รั่วไหลออกจากกระทรวงสาธารณสุข และไม่ได้มีนโยบายซึ่งเชื่อว่าต่อให้ตนเองมีนโยบาย ในลักษณะนี้จริงก็ไม่มีใครปฏิบัติตามเพราะเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ข้าราชการ จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐมนตรีหรือผู้บังคับบัญชา ก็ต้องชอบด้วยกฎหมายหากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องปฏิเสธ