ข่าว

รู้จัก "DeFi” เทคโนโลยีที่อาจเข้ามาแทนที่สถาบันการเงิน (ธนาคาร)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จากเดิมหากเราต้องการ กู้เงิน โอน หรือจำนอง เราจะต้องทำธุรกรรมผ่านธนาคาร แต่ “DeFi” จะทำให้เราทำธุรกรรมเหล่านี้โดยไม่ต้องพึ่งธนาคารอีกต่อไป

เดิมหากเราต้องการ กู้เงิน โอน หรือจำนอง เราจะต้องทำธุรกรรมผ่านสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารและ แต่ระบบใหม่ที่เรียกว่า "DeFi" อ่านว่า ดีไฟซ์ จะทำให้เรื่องการทำธุรกิจเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และปันผลดอกเบี้ย เป็นไปได้โดยไม่ต้องมีตัวกลางอย่างธนาคารอีกต่อไป และผู้ที่สร้าง DeFi เป็นใครก็ได้ที่มีความรู้เรื่อง "เทคโนโลยีการเงิน" (FinTech) 

ดังนั้นหากวันหนึ่งใครก็สามารถทำระบบ "DeFi" ขึ้นมาได้ จะส่งผลอะไรกับชีวิตของเราทุกคนบ้าง เราจะพาทุกคนก้าวเข้าสู่ยุคใหม่และทำความเข้าใจโลกการเงินไปพร้อมกันเลย

รู้จัก "DeFi” เทคโนโลยีที่อาจเข้ามาแทนที่สถาบันการเงิน (ธนาคาร)

ระบบ DeFi คืออะไร?

"DeFi" ก็คือการเปลี่ยนจากธนาคารให้เป็นสถาบันการเงินแบบเปิด เป็นระบบการเงินที่ไม่มีตัวกลางมาคอยควบคุม โดยการนำเทคโนโลยีที่เรียว่า "บล็อกเชน" (Blockchain) มาใช้สำหรับรองรับสกุลเงินดิจิทัล หรือ "คริปโตเคอร์เรนซี่" (cryptocurrency) 

 

"DeFi" จะถูกสร้างบนระบบที่ชื่อ "อีเธอเรียม" (Ethereum) ถึงแม้จะไม่มีตัวกลางมาคอยควบคุม แต่ทุกธุรกรรมจะต้องดำเนินการผ่าน "สัญญาซื้อขายเงินดิจิทัล" (Smart Contract)  ข้อดีการใช้ "สัญญาซื้อขายเงินดิจิทัล"  คือ ไม่ว่าใครก็จะไม่สามารถแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูลในธุรกรรมที่เกิดขึ้นได้ทำให้ระบบ DeFi มีความโปร่งใสเพราะไม่ว่าใครก็สามารถเข้าตรวจสอบผ่าน "สัญญาซื้อขายเงินดิจิทัล" ได้ทุกเวลา 

 

อีกหนึ่งสิ่งหากเราจะเข้าไปใช้งานระบบ DeFi เราควรจะต้องมี "กระเป๋าเงินดิจิทัล" ที่ใช้สำหรับเก็บเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ ตอนนี้ก็มีหลากหลายผู้ให้บริการ แต่ต้องจ่ายค่าทำธุรกรรมเพื่อให้ได้เหรียญดังกล่าวมาครอง (เรียกอีกอย่างว่าจ่ายค่า Gas) ขึ้นอยู่กับว่า DeFi ของเราต้องให้เหรียญสกุลใดเป็นค่าธุรกรรม 

 

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้บนแพลตฟอร์ม DeFi
 

ทุกการลงทุนไม่ว่าจะโลกออนไลน์ หรือออฟไลน์ย่อมมีความเสี่ยงเหมือนกัน เพราะเป็นความเสี่ยงของทางระบบเอง

  •  หากระบบ DeFi เกิดปัญหาขัดข้อง หรือปิดให้บริการผู้ใช้บริการจะไม่สามารถทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มได้ หรือทำได้แต่เกิดปัญหาล่าช้า จนอาจทำให้ธุรกรรมที่ทำล้มเหลว ซึ่งทุกขั้นตอนเรายังจำเป็นต้องจ่ายค่า Gas ในการจัดการ ถ้าเกิดปัญหาล้มเหลวบ่อย ๆ อาจทำให้เราเสียเงินไปฟรี ๆ 

     
  • อีกปัญหาหนึ่งที่จำนวนมากคือการโจรกรรมกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งถ้าหากรหัสลับที่ใช้สำหรับกระเป๋าเงินถูกขโมย ฉฮกเกอร์ก็มีสิทธิที่จะโอนถ่ายเหรียญที่เรามีไป ดังนั้นอะไรที่เป็นข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของเราก็ไม่ควรเผยแพร่ให้ใครรู้ เพราะถ้าถูกโจรกรรมไปแล้วโอกาสได้เหรียญดิจิทัลกลับมาแทบจะเป็นศูนย์เลยทีเดียว

 

อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเราคงได้เห็นอุตสาหกรรมด้านการเงิน เกิดความเปลี่ยนแปลง เกิดสิ่งใหม่ ๆ ตามมา สิ่งที่เราควรปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงก็คือการหาข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับเรื่องของเทคโนโลยีการเงิน เพราะปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างรายได้บนโลกออนไลน์แบบไม่ยาก และ DeFi ก็เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการนี้ สุดท้ายแล้วเรื่องของเทคโนโลยี กับเรื่องของการเงิน อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เราจึงต้องเรียนรู้ให้ทันโลก
 


ที่มาข้อมูล :  Krungsri Plearn Plearn

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ