สาวร้องสื่อ น้องชายโดนตร.ทำร้าย อ้างค้นเจอ "ยาเค" สุดท้ายเป็นแค่ "การบูร"

10 ม.ค. 2565    จากกรณีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน กรณีเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 7 ม.ค.2565 เวลาประมาณ 23.00 น. ขณะที่น้องชายตนได้ขับรถยนต์เก๋ง กลับบ้านย่านสมุทรปราการ โดยใช้เส้นทาง ถนนสุขุมวิท ขาออก ก่อนถึงทางเข้าซอยแบริ่ง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจอยู่  เรียกรถของให้จอดซึ่งน้องชายตนได้จอดรถห่างจากด่านประมาณ 500 เมตรเพื่อแชทคุยกับเพื่อน ระหว่างนั้นได้มีอาสาได้ขี่รถจักรยานยนต์มาเคาะกระจกประตูเรียกและขอตรวจค้นรถและอ้างว่าเจอยาเสพติดทำให้น้องชายตนตกใจ จึงได้โทรศัพท์หาแม่และพูดทำนองว่าตำรวจยัดยา และตำรวจก็จับใส่กุญแจมือตั้งแต่นั้นเลย และเขาก็พยายามจะให้น้องตนไปชี้ตรงจุดที่อ้างว่าเจอยา แต่น้องตนก็ไม่ยอมไปชี้ เพราะน้องชายตนมั่นใจว่าไม่ใช้ของตน ก็เลยถูกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวทำร้ายชกเข้าที่หน้าไป 2 ครั้งและอาสาก็เข้ามาทุบที่กลางหลัง 

เมื่อแม่ เดินทางไปถึง สถานีตำรวจสอบถามน้องชายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนั้นมีตำรวจนอกเครื่องแบบ ยืนยันว่าพบยาเสพติดจากรถของน้องชาย  แม่ตนจึงบอกว่าไม่น่าใช่ และเมื่อนำมาดม ว่าเป็นการบูรของแม่ที่ใส่ไว้ในลิ้นชักหน้ารถ ทางตำรวจยังบอกว่าถ้าเป็นการบูรก็ไม่เป็นไรแต่ในตัวเขามาสารเสพติดอยู่และประเภท 1 ซึ่งตอนแรกบอกประเภท 2  แต่เขาก็ยืนยันว่าประเภท 1 ยาบ้า ก็เลยถามว่าถ้าตรวจซ้ำแล้วจะยังเจออยู่หรือเปล่า เขาก็บอกว่ายังเจอเราก็เลยขอตรวจซ้ำต่อหน้า เขาก็ไปยืนปรึกษาอะไรกันสักพักเขาก็มาตรวจให้ แต่ไม่พบว่ามีสารอะไรอยู่ในร่างกาย จึงได้ถามเขาแต่เขาก็บ่ายเบี่ยงไม่พูดด้วย แต่เขากลับทำโมโหเพื่อกลบเกลื่อน  ว่าอย่าเอาคำว่าพวกถูกตำรวจยัดยา ก่อนที่เข่าจะปล่อยตัวกลับมา จึงพาน้องชายไป ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.สำโรงเหนือ แต่ก็มีตำรวจมาพูดว่าไม่ต้องลงบันทึก จะไปเป็นคนกลางให้ แต่แม่ยังยืนวันว่าจะขอลงประจำวัน  

เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวก็บอกว่า ถ้าอยากลงก็ไปเลยพร้อมทั้งดันเข้าห้อง ซึ่งตอนนั้นมีตำรวจอยู่ 6-7 คนเราเป็นผู้หญิงเราก็กลัวมันก็ไม่น่าไว้ใจ และมีเสียงพูดมาว่า "มึงไม่จบใช้มั้ย" เราก็เลยเดินลงมาที่รถ และก็ยังตามมาเคาะกระจก แม่ก็เปิดกระจก และเขาก็พูดว่า "ถ้ามึงไม่จบเดี๋ยวมึงเจอกู" เราก็เลยรีบขับรถกันออกมา ตนก็เลยติดใจว่าตอนที่เจอทำไมไม่ตรวจว่าเป็นอะไรกันแน่ไมคิดว่าจะดูอะไรกันเลยเหรอ เพราะกรณีแบบนี้ถ้าไม่มีที่บ้านไปยืนยันว่าจะขอดูอะไรต่าง ๆ และพาไปโรงพักแล้วเด็กจะไม่เสียอนาคตเหรอ ตนก็เลยคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

ด้าน พ.ต.อ.อาทิตย์  ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้รับทราบจากข่าวที่นำเสนอ และก็ได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจ้งรายละเอียด และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยละเอียด หากพบว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องก็จะต้องมีการลงโทษลงทัณฑ์ ส่วนในเรื่องที่ว่าไม่ยอมรับแจ้งความนั้นจากการตรวจสอบเบื้องต้นจากกล้องวงจรปิดในโรงพักและสอบถามร้อยเวรที่เกี่ยวข้องแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นการคลาดเคลื่อนในเรื่องการสื่อสารกับผู้เสียหาย

ขณะนี้อยู่ระหว่างตามตัวน้องผู้เสียหายและญาติเขามาสอบปากคำโดยละเอียด ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการการสอบสวนคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน ถ้ายังไม่เสร็จสิ้นก็จะมีการขยายเวลาออกไป ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ