สัณหพจน์ เชื่อ ปลดล็อกแปรรูป “พืชกระท่อม” ช่วยยกระดับเศรษฐกิจชุมชนสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น เผยผลวิจัยช่วยแก้โรคพากินสัน รักษาอาการเสพติดยาบ้า
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.65 ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากการที่ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 430) พ.ศ. 2564 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 ตามรายละเอียดดังนี้
เฮ ไฟเขียวแล้ว "พืชกระท่อม" ประกอบอาหาร-แปรรูปได้ ประกาศลงในราชกิจจาฯ
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/E/002/T_0001.PDF
จากประกาศกระทรวงดังกล่าวจะทำให้ประชาชนสามารถนำพืชกระท่อมมาประกอบอาหารและแปรรูปจำหน่ายได้ แต่จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อตรวจสอบและอนุมัติให้นำไปใช้ได้ก่อน
ทั้งนี้ประกาศดังกล่าวถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของการปลดล็อกการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม ซึ่งจากผลการวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย รศ. ดร.เอกสิทธิ์ กุมารสิทธิ์ และ ผศ. ดร.ดาร์เนีย เจ๊ะหะ นักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ พบว่า การวิจัยในสัตว์ทดลองชี้ว่า พืชกระท่อม ช่วยต้านอาการซึมเศร้า บรรเทาอาการโรคพาร์กินสันได้
นอกจากนี้ยังพบว่า พืชกระท่อมยังช่วยบรรเทาอาการและช่วยบำบัดสัตว์ทดลองที่ติดยาเสพติดอย่าง ยาบ้า และเฮโรอีนได้ ซึ่งการทดลองดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสที่จะนำพืชกระท่อมไปใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าได้อีกมาก
จากสรรพคุณของพืชกระท่อมเบื้องต้นที่ช่วยต้านการอักเสบ และบำรุงกำลัง จึงเป็นโอกาสที่จะส่งเสริมการแปรรูปพืชกระท่อมใน 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น เครื่องสำอาง และรักษาผิว ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 9.2 หมื่นล้านบาท 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มชา-กาแฟ ที่มีมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 1 แสนล้านบาท
ในส่วนของเกษตรกรและประชาชนในชุมชน สามารถรวมกลุ่มเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์ในเบื้องต้น เช่น การแปรรูปเป็นใบแห้ง หรือใบบดเป็นผง ซึ่งเป็นต้นน้ำของการแปรรูปผลิตภัณฑ์
“ที่ผ่านมาเมื่อมีการปลดล็อกพืชกระท่อมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ ทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้สามารถใช้พืชกระท่อมใช้ชีวิตประจำวันได้ ถือเป็นผลดีต่อวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น และเมื่อมีการแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขล่าสุด จะสามารถช่วยยกระดับเศรษฐกิจชุมชนให้ดียิ่งขึ้น
จากการรวมกลุ่มกันเพื่อแปรรูปผลผลิตที่มีอยู่จำหน่ายสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปส่งเสริมและให้ความรู้ในการแปรรูปและการผลิต เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจฐานรากต่อไป” ดร.สัณหพจน์กล่าวในตอนท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง