"ไหม้ระทึก" กลางกรุง อาคารเก่า50ปี ย่านเพชรบุรี สลดเฒ่าวัย68ปี สังเวยชีวิต

ช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 06.20 น. วันที่ 3 มกราคม 2565 ร.ต.อ.พิสันต์ แก้วขุนทอง รอง สว.สอบสวน สน.มักกะสัน ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้น "ไหม้ระทึก" บริเวณซอบเพชรบุรี 40 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ หลังได้รับแจ้งจึงประสานรถน้ำจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เข้าสนับสนุน และไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมพ.ต.อ.จรินทร์ รําลึก ผกก.สน.มักกะสัน แพทย์นิติเวชรพ.รามาธิบดี ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐ.) และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ปลูกยาวติดกันจำนวนหลายคูหา พบแสงเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 1 และกำลังลุกลามขึ้นชั้นที่ 4 ของอาคารเลขที่ 2448 เจ้าหน้าที่เร่งใช้น้ำฉีดสกัดเพลิงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่พบว่าชั้นที่ 1 เป็นที่เก็บอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ สีทินเนอร์ ชั้น 2 3 4 แบ่งซอยให้เป็นห้องพัก โดยภายหลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายสุรเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี เสียชีวิตอยู่บริเวณชั้น 4 ของอาคาร 

จากการสอบสวนนายพงษ์เดช ลิมบานเย็น อายุ 64 ปี เจ้าของอาคารพาณิชย์ 2 คูหาในที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า คูหาที่เกิดเหตุได้แบ่งเป็นห้องเช่าในชั้น 2 ถึง 4 ส่วนข้างๆ ได้เปิดเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้าง และสีตกแต่งอาคาร แต่ไฟไม่ได้ลุกลามมาถึง โดยในช่วงเกิดเหตุไม่มีผู้พักอาศัยอยู่ มีเพียงชายที่เสียชีวิตอยู่ในห้องพักชั้น 4 ส่วนต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นสอง แต่ยังไม่แน่ใจว่าเกิดบริเวณจุดใด ทั้งนี้ที่ชั้น 2 มี 3 ห้องเช่า

นายพงษ์เดช กล่าวว่า หลังจากพบว่ามีไฟไหม้ จึงได้ตะโกนบอกกับคนที่อยู่ในที่พัก แต่คาดว่าชายคนดังกล่าวไม่ได้ยิน เพราะทราบว่ามีอาการหูตึง และพักอาศัยอยู่คนเดียว โดยทำอาชีพรับจ้างนวดแผนโบราณ สำหรับอาคารดังกล่าว ก่อสร้างมาประมาณ 50 ปี และเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นเป็นครั้งแรก ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทสายไฟฟ้า มีการเปลี่ยนหากผู้เช่าแจ้งว่า มีจุดใดเสียหรือชำรุดโดยตลอด

พ.ต.อ.จรินทร์ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ให้ใครเข้าที่เกิดเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยเข้าตรวจสอบภายในอาคารบริเวณที่เกิดเหตุว่าตัวอาคารยังไม่มีการทรุด เนื่องจากอาคารที่เกิดเหตุก่อสร้างมาประมาณ 50 ปี หลังจากนี้เจ้าหน้าที่มูลนิธิจะนำศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตรต่อที่ห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสาตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ก่อนจะติดต่อญาติให้มารับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการปฏิบัติการเพื่อนำศพลงมานั้น เนื่องจากพื้นบันไดในอาคารที่เกิดเหตุถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ จึงต้องนำศพใส่อุปกรณ์โรยออกมาจากตัวอาคารแทน ส่วนการจราจรบริเวณที่เกิดเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปรับให้เหลือ 2 ช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิงในการปฏิบัคิหน้า รถจึงชละตัวติดขัดเล็กน้อย "ไหม้ระทึก"