ส่องไทม์ไลน์ฝ่ายค้าน ผ่าแผนถล่มรัฐบาล ปี 65 ฝ่ายค้านจะดุเยี่ยงเสือหรือไม่

ปี 2565 ถือเป็นอีกปีที่สถานการณ์ทางการเมืองจะมีความเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่องแต่ที่น่าจับตามองคือพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค ที่มีพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย ได้ร่วมกันประชุมในช่วงเดือนธันวาคม 2564 และประมวลการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่บริหารงานผิดพลาดและเกิดความล้มเหลวในรอบปี 2564 เพื่อเตรียมแผนการทำงานร่วมกันและนำไปสู่การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ในปี 2565 นี้ 

 

“คมชัดลึก” ส่องไทม์ไลน์การทำงานด้านการเมืองร่วมกันของ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่าในปี 2565 หรือ "ปีเสือ" นี้มีหลายเรื่อง หลายประเด็นที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้วางแผนไว้อย่างเป็นระบบดังนี้คือ 

1.การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยฝ่ายค้านตั้งเงื่อนเวลาไว้ว่าจะยื่นในช่วงภายในเดือนมกราคม หรือก่อนกลางเดือนมกราคมเพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปเกิดขึ้นหลังตรุษจีน หรือช่วงปลายสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านมองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

 

ในประเด็นนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้ประเด็นว่าเรื่องญัตติการอภิปรายทั่วไปตาม มาตรา 152 เราต้องสอบถามข้อเท็จจริงกับรัฐบาล คณะรัฐมนตรี (ครม.) และเสนอแนะปัญหาให้ครม.ไปแก้ไขให้กับประชาชน โดยไม่ลงมติ ซึ่งจะเป็นเรื่องความล้มเหลวที่เกี่ยวเนื่องกับวิกฤตที่เป็นปัญหา ซึ่งขณะนี้แต่ละพรรคของฝ่ายค้านก็มีของอยู่ในมือ มีประเด็นที่จะอภิปรายแล้ว เพียงแต่ต้องมาเลือกประเด็นกันอีกครั้ง โดยหลังปีใหม่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือร่วมกันอีกครั้งก่อนยื่นญัตตินี้ ซึ่งเรามีเวลายื่นได้ภายในสมัยประชุมสภานี้คือถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565   

 

 

2.การพิจารณาร่างกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับคือ พ.ร.ป.การเลือกตั้งส.ส.และพ.ร.ป.พรรคการเมือง ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ได้ยื่นร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับแก่ประธานสภาแล้ว ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เปิดเผยว่าหลังตรวจสอบรายชื่อและความถูกต้องของร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับ ที่ยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภา ทั้งในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล และของกกต.แล้ว ที่ประชุมสภาจะสามารถบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาได้ประมาณช่วงกลางเดือนมกราคม หรือปลายเดือนมกราคม ซึ่งคาดว่าจะสามารถพิจารณาในวาระ 3 เสร็จสิ้นในสมัยประชุมนี้ นั่นคือภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 

 

3.ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองจะเริ่มเข้มข้นขึ้นในช่วงเดือน มีนาคม-กรกฎาคม 2565 และอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านให้เหตุผลจากการคาดการณ์ดังนี้คือ 
- การเร่งรัดจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเพิ่มเติมและได้ประกาศให้ใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบคือแบบส.ส.เขตเลือกตั้ง 400 เขต และแบบส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน
- ขั้นตอนการจัดทำกฎหมายลูกเลือกตั้ง ประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ (พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.และพ.ร.ป.พรรคการเมือง) จะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ซึ่งพบว่านี่เป็นเจนารมณ์ของส.ส.เสียงข้างมาก 
- พรรคร่วมรัฐบาลขยันลงพื้นที่หาเสียงและจัดทำตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และประจำเขตเลือกตั้งอย่างมาก รวมทั้งได้วางตัวผู้สมัครส.ส.ไว้เกือบทุกจังหวัด ซึ่งน่าจะมีการเลือกตั้งที่เร็วขึ้น ไม่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม ไม่ก็ในสิงหาคม 

 

4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะถูกพิจารณาว่าขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 หรือไม่ เพราะผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีไม่ได้ โดยฝ่ายค้านจะจับตาดูว่าวันที่ 24 สิงหาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จะพ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ แต่หากยังคงดำรงตำแหน่งต่อไป ฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

 

 

5.การแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรองรับการทำประชามติ ตามกฎหมายว่าด้วยการทำประชาติมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยฝ่ายค้านเห็นว่าหลังข้อบังคับผ่านการประชุมสภาและมีการประกาศใช้ข้อบังคับแล้ว พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นญัตติให้สภาพิจารณา เป็นญัตติในเรื่องที่รัฐสภาเห็นควรให้ทำประชามติ มุ่งเน้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยถามความเห็นจากของประชาชนก่อนว่าเห็นสมควรหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าการแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาจะแล้วเสร็จภายในสมัยการประชุมสภานี้คือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 หลังจากนั้นจะยื่นญัตติเพื่อนำไปสู่การทำประชามติเพื่อให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

 

 

ทั้งหมดคือไทม์ไลน์เบื้องต้น เป็นเงื่อนเวลาที่อาจจะเกิดเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองขึ้นในปี 2565 โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่ามีความเป็นเอกภาพทางเป้าหมาย นั่นคือเผด็จการซ่อนรูปในคราบประชาธิปไตยขณะนี้ต้องถูกตรวจสอบ ถูกระงับ ถูกยับยั้ง หรือถูกทำลายไปเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง