"ปีเสือดุ" หนุ่มวัยเบญจเพศ ขับเก๋งหลับใน รถเสียหลักพลิกคว่ำ ชะตาขาด

เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 1 มกราคม 2565  ร.ต.อ.ภัทรชัย มนตรี รอง สารวัตร(สอบสวน)​ สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพลิกคว่ำ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณปากซอยลาดพร้าว 43/2 ถนนลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. "ปีเสือดุ" จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 2 เลน ทิศทางมุ่งหน้าโชคชัย 4 ริมฟุตปาธใกล้กับสะพานลอยคนข้าม พบรถโตโยต้า อัลติส สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆฎ 4904 กรุงเทพมหานคร สภาพพลิกคว่ำหงายท้องล้อชี้ฟ้า ด้านหน้ารถพังยับเยิน ชิ้นส่วนและสิ่งของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ภายในรถพบผู้เสียชีวิตเป็นวัยรุ่นชาย 1 ราย ทราบชื่อนายสาริกข์ บุญส่ง อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นคนขับ

สภาพสวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงสั้น สีดำ มีบาดแผลถลอกตามร่างกาย และยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นวัยรุ่นชายอีก 3 รายที่นั่งมาในรถคันดังกล่าว อายุประมาณ 25 ปี 2 ราย และอายุ 20 ปี 1 ราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีบาดแผลถลอกและมีเศษกระจกบาดตามร่างกาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯจึงนำตัวทั้ง 3 รายส่งรพ.เปาโล โชคชัย 4
 

ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ช่วงเวลานั้นถนนโล่งไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่าน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรถยนต์คว่ำดังสนั่น จึงวิ่งมาดูพบว่ามีคนเจ็บเป็นวัยรุ่นชาย 3 คนคลานออกมาจากรถ และมีคนขับเป็นชายวัยรุ่นอีกคนได้รับบาดเจ็บหมดสติติดคาอยู่ภายในรถ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ

ขณะที่เพื่อนผู้เสียชีวิตให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนายสาริกข์​ ซึ่งทำงานเกี่ยวกับขนส่งจากต่างประเทศ และผู้บาดเจ็บ ได้ไปกินเลี้ยงสังสรรค์ฉลองปีใหม่ "ปีเสือดุ" กันที่ร้านอาหาร ย่านลาดพร้าว ขณะที่นั่งร่วมสังสรรค์กันนายสาริกข์ ผู้ตายไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่มีอาการง่วงนอน แต่ยังฝืนนั่งคุยกับเพื่อนๆ จนกระทั่งงานสังสรรค์ฉลองปีใหม่เสร็จสิ้น  นายสาริกข์ จึงได้ขับรถพาเพื่อนอีก 3 คนไปส่งที่พักย่านรามคำแหง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุผู้ตายเกิดอาการวูบหลับใน ส่งผลทำให้รถวิ่งเสียหลักพุ่งชนขอบทางถนนก่อนที่รถจะพลิกคว่ำดังกล่าว

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ต้องรอให้อาการผู้บาดเจ็บดีขึ้น จึงทำการสอบปากคำ รวมทั้งจะทำการตรวจสอบกล้องหน้ารถคันที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง ก่อนจะสรุปหาสาเหตุ ส่วนร่างผู้เสียชีวิตได้นำส่งชันสูตรศพ ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ก่อนมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป "ปีเสือดุ"