ข่าว

"ห่วงเด็ก" เลียนแบบแม่ค้าออนไลน์ ใช้ภาษาหยาบคาย แต่งกายไม่เหมาะสม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โฆษก วธ. "ห่วงเด็ก" เลียนแบบแม่ค้าขายสินค้าออนไลน์ ใช้ภาษาหยาบคาย แต่งกายไม่เหมาะสม วอนผู้ขายทุกคนตระหนักถึงผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน รวมถึงประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามหรือภาพลักษณ์สังคมไทย แนะใช้กลยุทธ์อย่างสร้างสรรค์รับผิดชอบต่อสังคม

 กระทรวงวัฒนธรรม "ห่วงเด็ก" เกิดพฤติกรรมเลียนแบบแม่ค้าขายสินค้าออนไลน์ใช้ภาษาหยาบคาย แต่งกายไม่เพมาะสม ่ ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้

 

นายประสพ เรียงเงิน รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากกรณีมีการนำเสนอข่าวสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ตั้งกระทู้ถามกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ค้าออนไลน์บางราย มีการใช้ถ้อยคำพูดหยาบคายและแต่งกายไลฟ์สดขายสินค้าไม่เหมาะสม และมองว่ากระทรวงวัฒนธรรมละเลยไม่ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวนั้น วธ.ขอขอบคุณสมาชิกวุฒิสภาและสื่อมวลชน ที่ให้ความสนใจในประเด็นดังกล่าว 

 

"ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมกันธำรงรักษาไว้ซึ่งศีลธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย ขอยืนยันว่า วธ. ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวและเห็นว่าการผลิต การจำหน่ายสินค้า การโฆษณา และการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เพื่อให้ได้รับความสนใจจากลูกค้าหรือผู้บริโภค สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์และมีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ "โฆษก วธ. กล่าว

 

โฆษก วธ. กล่าวอีกว่า และคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและวัฒนธรรมอันดีงาม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ยังไม่มีวุฒิภาวะในการรู้เท่าทันสื่อ หรือเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถแยกแยะหรือยังไม่มีวิจารณญาณเพียงพอในการเลือกรับสื่อ และหากมีการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อศีลธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงาม อาจก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบที่ไม่เหมาะสม

 "รวมทั้งกรณีที่มีการแต่งกายไม่เหมาะสม หรือใช้ภาษาหยาบคาย ไม่สุภาพ แต่มีผู้สนใจเข้าชม หรือซื้อสินค้าจำนวนมาก อาจทำให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบได้เช่นกัน"โฆษก วธ.ระบุ

 

โฆษก วธ. กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา วธ. ได้ดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางสังคม เช่น 1.กรณีการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม ใช้คำไม่สุภาพ ในการไลฟ์สดขายสินค้า วธ. มอบหมายหน่วยงานสังกัด วธ. ที่ดูแลในเรื่องดังกล่าว ติดตามและเฝ้าระวังความเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรมที่อาจเกิดขึ้น

 

โฆษก วธ. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ได้มีการตรวจสอบพบกรณีมีผู้ขายสินค้าออนไลน์ที่ไลฟ์สดขายสินค้าทางเพจ เฟซบุ๊กบางเพจ ซึ่ง วธ. ได้วิเคราะห์แล้วว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 จึงได้มีหนังสือประสานงานไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

2. กรณีการแต่งกายที่ไม่เหมาะสมในการขายสินค้าช่วงที่ผ่านมา อาทิ แม่ค้าขายขนมโตเกียว ที่จังหวัดเชียงใหม่ และแม่ค้าขายเฉาก๊วยนมสด ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วธ. ได้มอบหมายสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัด ลงพื้นที่บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วนในพื้นที่ เช่น ฝ่ายปกครอง ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) 

 

"พูดคุยและชี้แจงทำความเข้าใจในประเด็นการแต่งกาย ที่ไม่เหมาะสมซึ่งอาจจะเข้าข่ายลามกอนาจาร อันจะเป็นการขัดต่อวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ โดยขอความร่วมมือ ให้ปรับปรุงการแต่งกายให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น และได้ทำบันทึกข้อตกลงที่จะไม่แต่งกายล่อแหลม ลักษณะดังกล่าวอีก และหากพบเห็นมีการเผยแพร่หรือส่งต่อภาพการแต่งกายล่อแหลมในสื่อสังคมออนไลน์อีก จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" โฆษก วธ.กล่าว

 

นายประสพ กล่าวด้วยว่า วธ. เข้าใจถึงสถานการณ์วิกฤติจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งทุกคนต้องมีอาชีพและหารายได้ในรูปแบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นการทำมาค้าขายกันโดยสุจริตและมีวิธีการขายสินค้า หรือกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่น่าสนใจ หลากหลาย เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าทำให้ขายสินค้าได้มาก 

 

“ผม่ขอให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์ทุกคนได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสังคม ต่อเด็ก เยาวชน รวมถึงประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามหรือภาพลักษณ์โดยรวมของสังคมไทยด้วยทุกคนสามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์และหลากหลาย ที่ผ่านมาได้มีตัวอย่างของผู้ค้าออนไลน์หลายคนที่ประสบความสำเร็จได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาที่ไม่สุภาพ ไม่ต้องแต่งกายที่ล่อแหลมและไม่เหมาะสม”รองปลัด วธ. กล่าว

 

ทั้งนี้ ประชาชนในฐานะลูกค้าสามารถใช้มาตรการทางสังคมโดยไม่สนับสนุนผู้ค้าออนไลน์ที่ใช้ภาษาหยาบคาย หรือแต่งกายไม่เหมาะสม และสนับสนุนการเลือกซื้อสินค้าจากผู้ค้าออนไลน์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ดังนั้น วธ. จึงขอความร่วมมือผู้ค้าออนไลน์และผู้บริโภคทุกคนช่วยกันแก้ไขปรับปรุง การซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมไปด้วยกัน

 

นายประสพ กล่าวตอนท้ายว่า หลังจากนี้ วธ. จะดำเนินการรณรงค์ในเรื่องดังกล่าว อาทิ จัดเสวนารับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนเรื่องการใช้ภาษาไทยและการแต่งกายในการขายสินค้า โดยเฉพาะทางสื่อออนไลน์ โดยเชิญผู้แทนกระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมาร่วม เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม สื่อมวลชน นักวิชาการด้านการตลาดออนไลน์ ผู้ประกอบการขายสินค้าออนไลน์ที่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคมมาเสวนาเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน 

 

รวมถึงดำเนินการส่งเสริมและเผยแพร่กิจกรรมการขายสินค้าโดยเฉพาะทางสื่อออนไลน์ที่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม การแต่งกายเหมาะสม และใช้ภาษาสุภาพ ซึ่งงานเสวนาดังกล่าวจะจัดขึ้นในรูปแบบปกติหรือรูปแบบออนไลน์นั้นจะพิจารณาตามสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

 

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา วธ. ได้มีการรณรงค์และป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้มีเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรม และประชาชนติดตามเฝ้าระวัง ซึ่งปัญหาเรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวัง สอดส่องดูแลและแก้ปัญหา โดยแจ้งข้อมูลมาที่ วธ. ผ่านช่องทางสายด่วนวัฒนธรรม 1765 Facebook Fan Page 1765 และเว็บไซต์ของ วธ.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ