ชาวชุมชนคลองเตยรวมตัวค้านข้อเสนอไล่ที่การท่าเรือฯ ร้องขอบ้านมั่นคง

เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา (28 ธันวาคม 2564) ชาวชุมชนคลองเตย 261 ชุมชน ได้นัดรวมตัวกันบริเวณหน้ากรมศุลกากร ก่อนเดินทางไปยังการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อคืนแบบสำรวจเรื่องที่อยู่อาศัยที่การท่าเรือฯ ส่งมาให้ เพราะไม่เห็นด้วยที่การท่าเรือฯ จะให้คนในชุมชนย้ายที่อยู่อาศัย เนื่องจากไม่มีประชุมหารือกับชาวบ้าน



ทั้งนี้การท่าเรือฯ ได้ยื่นข้อเสนอให้ 3 เรื่องคือ
1. ให้ชาวชุมชนย้ายไปอยู่ Smart community  
2. ให้ชาวชุมชนย้ายไปอยู่ในพื้นที่หนองจอก
3. ให้ชาวชุมชนย้ายกลับไปภูมิลำเนาเดิม ซึ่งการท่าเรือฯ จะให้เงิน 500,000 บาท แต่ถ้าไปอยู่ห้องชุดจะไม่ได้เงิน เพราะราคา 500,000 บาท ส่วนกรณีหนองจอกจะมีการหักค่าก่อสร้าง 300,000 บาท

นางนิตยา พร้อมพอชื่นบุญ แกนนำชาวคลองเตย เปิดเผยว่าชาวชุมชนไม่ทำแบบสอบถาม เพราะไม่มีความชัดเจน และได้เห็นตัวอย่างจากแฟลตดินแดง ซึ่งชาวบ้านอยู่ไม่ได้และส่วนใหญ่ให้นักธุรกิจมาเช่าเซ้งต่อ กรณีย้ายไปอยู่ Smart community ซึ่งเป็นอาคาร 30 ชั้น ห้องขนาด 30 ตารางเมตร เสียค่าส่วนกลางเดือนละ 300 บาท บางคนมีภาระหนี้สิน รายรับไม่พอกับรายจ่ายรายเพราะเป็นคนจนในสลัม ค่าแรงขั้นต่ำส่วนใหญ่ก็ไม่พอใช้ บางคนเลี้ยงลูก 4-5 คน บางครั้งมีแม่หรือผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียง รวมทั้งเด็กนักเรียน ทุกอย่างมีรายจ่ายทั้งหมด 

ส่วนที่หนองจอกมีการจัดสรรให้เพียง 19.5 ตารางวา ส่วนใหญ่อยู่ไม่ได้ต้องขายที่ให้คนอื่นแล้วกลับมาอยู่ในชุมชน ซึ่งที่จัดสรรคิดมูลค่า 300,000 บาท เมื่อหักค่าที่ชาวบ้านจะได้เงินแค่ 200,000 บาท แต่ค่าก่อสร้างราคามากกว่าเงินที่ได้รับ และการเดินทางไปหนองจอกก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ยังไม่ทันสร้างบ้านเงินก็หมดแล้ว

สำหรับข้อ 3 ใครกลับภูมิลำเนาเดิมจะให้ 500,000 บาท ส่วนใหญ่ชาวชุมชนไม่มีที่ทำกิน กลับไปแล้วจะทำมาหากินอะไร เพราะคนที่อยู่คลองเตยรับจ้างเป็นแม่บ้าน ขี่จักรยานยนต์รับจ้าง ขับแท็กซี่ และส่วนใหญ่พักอาศัยอยู่ที่ชุมชนคลองเตยมา 60 ปีแล้ว

ล่าสุดทางแกนนำและชาวบ้านได้ขอต่อรอง คนที่อยู่ในชุมชนคลองเตยมายาวนานสามารถไปหนองจอกได้ เพราะไม่มีภูมิลำเนากลับ แต่ขอให้เยียวยาที่ว่างเปล่ากับชาวบ้านเพื่อสร้างโครงการบ้านมั่นคงของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งจะยื่นให้กับ พอช. เพื่ออนุมัติสร้างบ้านมั่นคง โดยชาวชุมชนจะขอเช่าที่ เพราะจะได้สร้างบ้านราคาที่ถูก

ทางด้าน ดร.ชำนาญ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการการท่าเรือฯ ได้ออกมารอรับหนังสือและข้อเสนอของชาวบ้าน ซึ่งหลังจากนี้จะได้นำเอกสารทั้งหมดและข้อเรียกร้องของชาวชุมชนไปประชุมกับคณะผู้บริหารต่อไป