ห่วงระบบสาธารณสุขไทยรับ "โอไมครอน" ไม่ไหว แนะเร่งฉีดเข็ม 3 ให้ 50 ล้านคน

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก chalermchai boonyaleepun ถึงแนวทางการเตรียมความพร้อมรองรับการระบาดของ "โอไมครอน" ในประเทศไทยโดยระบุว่า 

ความรู้เรื่องCOVID-19 (ตอนที่1051)

เมื่อโอไมครอนระบาดเต็มที่ ระบบสุขภาพไทยจะรองรับได้อีก 1.6 แสนรายในเวลาเดียวกัน หรือวันละ 11,700 ราย

จากสถานการณ์ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ Omicron ซึ่งระบาดไปกว้างขวาง 100 ประเทศทั่วโลก

และมีอัตราการติดเชื้อที่สูงกว่าเดลต้า 2-5 เท่า ทำให้ทุกประเทศต้องเร่งประเมินศักยภาพของระบบสุขภาพว่า ในกรณีที่ Omicron ระบาดเต็มที่ จะสามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้มากน้อยเพียงใด

เราพบว่าในการระบาดระลอกที่ 3 ที่มีจุดสูงสุดในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน 2564 

ระบบสุขภาพไทยสามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้สูงสุดในคราวเดียวกันประมาณ 200,000 ราย แยกเป็น
 

• โรงพยาบาลหลัก 50,000 เตียง
• โรงพยาบาลสนาม 75,000 เตียง
• แยกกักตัวที่บ้านหรือในชุมชน (HI/CI) อีก 75,000 ราย

ทั้งนี้โรงพยาบาลหลัก ต้องถือว่าลำบากมากที่สุด เพราะเตียงว่างโดยปกติอยู่ที่ระดับ 20,000 เตียงเท่านั้นเอง

ตัวเลขล่าสุดในขณะนี้ (25 ธันวาคม 2564) 

• โรงพยาบาลหลัก

รักษาตัวอยู่ 17,892 ราย 

ยังรองรับได้อีก 32,108 ราย

• โรงพยาบาลสนาม

รักษาตัวอยู่ 17,284 ราย

ยังสามารถรับได้อีก 57,716 ราย

ผู้ที่กักตัวเองที่บ้านและในชุมชน ดูแลรักษาตัวอยู่ 994 ราย

สามารถรับได้อีก 74,006 ราย

รวมสามารถรับเพิ่มได้อีก 163,830 ราย

ถ้าประมาณการว่า ผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าสู่ระบบสุขภาพ จะอยู่ในระบบประมาณ 14 วัน จึงจะหายดี 

ก็จะมีค่าเฉลี่ยรักษาตัวอยู่ในระบบเพิ่มวันละ 11,700 ราย

ซึ่งประมาณการว่า กว่า Omicron จะทำให้มีผู้ติดเชื้อต่อวันถึง 10,000 ราย จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือน(ไม่ใช่ยอดรวมสะสม)

ซึ่งเป็นเวลานานพอ ที่จะเร่งมือฉีดเข็ม 3 ให้กับคนจำนวน 50 ล้านคนที่ฉีดครบ 2 เข็มแล้วได้ทัน

โดยใช้ความสามารถในการฉีดวันละ 5.5 แสนโดส

ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ แม้เราจะมีการติดเชื้อ Omicron เป็นจำนวนมากต่อวันนับ 10,000 ราย แต่อาการก็จะไม่มาก จะไม่ล้นโรงพยาบาลหลัก

แต่จะไปอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม และแยกกักตัวที่บ้านเป็นหลัก ซึ่งมีศักยภาพที่จะสามารถรองรับได้นับแสนราย

รัฐจึงต้องเร่งเตรียมการให้พร้อมทั้งระบบอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลสนาม และการแยกกักตัวที่บ้