การค้นหาวิธีเสริมทักษะภาษาในสถานการณ์โควิด-19

 

เมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 และยังกลายพันธุ์มาเป็นโอไมครอน ส่งผลกระทบรอบด้าน แม้แต่การเรียนการสอนยังต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเรียนการสอนที่จะต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนจำเปฺ็นต้องชีวิตการเรียนการสอน เหมือนกรณีตัวอย่างของคุณแม่ที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพขณะเดียวกันยังต้องติดตามลูกสาวเรียนเสริมทักษะทางภาษาผ่านแอบพลิเคชั่น 

 

คุณแม่หยก อายุ 38 ปี จากจังหวัด นครนายก คุณแม่ทำงานเป็นคนค้าคนขายอาหารที่ตลาด ต้องทำงานอย่างหนักทุกวัน ตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมวัตถุดิบและอยู่ที่แผงขายอาหารตลอดทั้งวัน เมื่อน้องได้หยุดอยู่บ้านไม่ได้ไปเรียน แม่จะให้น้องไปนั่งที่ร้าน เพื่อได้ดูแลง่ายและเพราะน้องต้องนั่งที่ร้านกับแม่ทั้งวัน ไม่มีที่ว่างให้เล่น ไม่มีเพื่อนและไม่มีการแม่สอนการบ้าน

 

ดังนั้นน้องอายุ 6 ขวบ มีการชอบดูทีวี ติดทีวีและยูทูบ ยิ่งไปกว่านั้น เพราะโรคระบาด น้องต้องเรียนอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ไปเรียนพิเศษ ดังนั้นน้องก็ลืมความรู้ทั้งหมดไป ไม่รู้ว่าน้องจะด้อยกว่าเพื่อนเมื่อน้องกลับไปโรงเรียนหรือไม่

คุณแม่หยกเล่าว่ามีเหตุการณ์หนึ่ง คุณแม่ได้ยินผู้หญิงขายผักข้างร้านคุยว่า ลูกเขาได้รับรางวัลภาษาอังกฤษประจำจังหวัด ถามถึงสถานการณ์เมื่อคิดว่ามีคนสอนในช่วงแพร่ระบาด ปรากฏว่า ลูกได้เรียนรู้ผ่านแอพเรียนภาษา Monkey Stories  เรียนทั้งสนุกและได้ผล พ่อแม่ไม่ต้องบังคับหรือดุอะไร

แม่หยกเลยตั้งใจจะซื้อให้ลูกเรียนด้วย เพียง 1,450 บาท เรียนทั้งปี ถูกกว่าการเข้าศูนย์เรียนภาษาหลายเท่า นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นที่คุณแม่ตัดสินใจเลือก Monkey Stories  ในการเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้แก่ลูก

 

หลังจากที่คุณแม่หยกให้ลูกได้เรียนกับแอปฯ ก็พบว่ามีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลายข้อ ได้แก่ การเรียนรู้ผ่านรูปภาพและวิดีโอการ์ตูน ด้วยเรื่องตลกและการโต้ตอบโดยตรงกับตัวการ์ตูนในบทเรียน เรียนแบบนี้ไม่เละเทะเหมือนการเรียนในสมัยก่อน และยังเหมาะผู้ปกครองไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษก็สามารถเรียนกับลูกๆได้ เช่น แม่ค้าขายที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษและยุ่งมาก ไม่สามารถสอนลูกได้ แต่เนื่องจากให้ลูกเรียนรู้ Monkey Stories เธอจึงสามารถติดตามพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกได้อย่างง่ายๆ ผ่านแอพและรายงานประจำสัปดาห์

 

อีกทั้งใช้งานง่ายไม่ต้องต่อเน็ต ใช้ง่ายสุดๆ ไม่ต้องเตรียมเอกสาร หนังสือ แม่ค้าขาย ไปขายไปให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างสะดวก
คุณแม่หยกกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากเรียนรู้การออกเสียง Phonics ผ่านแอพ Monkey Stories แล้ว ครูที่โรงเรียนก็ชมเชยน้องในการออกเสียงภาษาอังกฤษได้ดี ลูกจึงสนุกกับการเรียนมากยิ่งขึ้น และที่ชอบที่สุดคือน้องสมัครใจนั่งที่โต๊ะเพราะน้องชอบเรียน ตั้งแต่นั้น บรรยากาศในบ้านก็สบายขึ้น มีความสุขขึ้นอีกด้วย
.

 

คุณแม่หยกกล่าวเพิ่มเติมว่าเมื่อได้เข้าร่วมในกลุ่มของ Facebook ชื่อว่า กลุ่ม ร่วมกับเด็กเรียน Monkey ที่ https://www.facebook.com/groups/monkeythailand ทำให้แม่ได้เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอพ Monkey พบความพิเศษของแอปฯ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสังคมผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคน ทั่วโลก มีผู้ใช้งานถึง 108 ประเทศ ทั่วโลก

อีกทั้งแอปฯ Monkey Stories  ยังเป็นแอปฯอันดับที่ 1 สำหรับโปรแกรมการอ่าน ของ Apple Store และ Google Play รวมถึงได้รับรางวัลอันทรงเกียรติระดับนานาชาติ รวมถึงรางวัลที่หนึ่งของการแข่งขัน Global Initiative ประจำปี 2559 ที่ซิลิคอน วัลเลย์ ซึ่งนำเสนอโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา

 

คุณแม่หยกกล่าวว่า รู้สึกดีมาก เพราะแอปฯนี้ช่วยพัฒนาทักษะให้กับลูกของเธอและตัวเธอเอง โดยหลักๆ 3 ข้อได้แก่

 

- ประสิทธิภาพในการสื่อสาร: หลังจากเรียน 3 เดือน น้องสามารถพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติเพื่อช่วยแม่ขายสินค้า น้องอยู่ติดอันดับที่ 3 ของการแข่งขันพูดภาษาอังกฤษที่โรงเรียนจัดขึ้นด้วยหัวข้อครอบครัว

 

- ประสิทธิภาพในการเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน: ดู youtube บนโทรศัพท์น้อยลง เปลี่ยนไปเรียนภาษาอังกฤษผ่านแอพ

 

- ประสิทธิภาพทางอารมณ์ ทำให้รู้สึกมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้นเมื่อลูกเรียน Monkey ช่วยลดความวิตกกังวลเมื่อให้ลูกดูโทรศัพท์/แท็บเล็ต

 

คุณแม่หยกกล่าวทิ้งท้ายว่ารู้สึกโชคดีที่รู้จักMonkey ขอขอบคุณ Monkey ที่ช่วยครอบครัวแก้ปัญหาการเรียนรู้และพัฒนาภาษาอังกฤษให้กับลูกของเธอ หากพ่อแม่ที่มีลูก กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ลูกเล่นโทรศัพท์ทั้งวัน ดู youtube บ่อย ๆ พวกเราสามารถซื้อแอพให้ลูกเล่นและเรียนภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน วิธีนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก