ข่าว

นักวิจัยชี้ ไทยมีโอกาสเจอ"สึนามิ"อีก ห่วงประชาชนเริ่มละเลยความเสี่ยง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นักวิจัยระบุ ไทยยังมีโอกาสเจอ "สึนามิ" ได้อีก เพราะพลังงานยังไม่ได้ปลดปล่อย แต่ 17 ปีผ่านไปหลายปัจจัยเปลี่ยนแปลง ต้องเร่งพัฒนาระบบเตือนภัยและแผนอพยพ

ในโอกาสครบรอบ 17 ปีของการเกิดสึนามิครั้งใหญ่ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนั้น

ศ.ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย หัวหน้าชุดโครงการลดภัยพิบัติแผ่นดินไหวในประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยว่า ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดสึนามิอีกครั้งในช่วงชีวิตของคนเรา เพราะแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลอันดามันบางส่วนมีการสะสมพลังงานมาหลายร้อยปี และยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังงานออกมาเป็นแผ่นดินไหวและสึนามิ ดังนั้นเรายังจำเป็นต้องมีระบบเตือนภัยสึนามิที่เชื่อถือได้ และต้องเตรียมพร้อมที่จะอพยพหนีภัยในพื้นที่เสี่ยงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

นักวิจัยชี้ ไทยมีโอกาสเจอ"สึนามิ"อีก ห่วงประชาชนเริ่มละเลยความเสี่ยง
ปัญหาที่เรามีขณะนี้คือ ผู้คนในพื้นที่เสี่ยงภัยเริ่มจะลืมภัยพิบัตินี้แล้ว ขาดความสนใจและตื่นตัว ป้ายเตือนภัยและป้ายชี้เส้นทางอพยพในหลายพื้นที่หมดสภาพ จำนวนอาคารบ้านเรือนและโรงแรมในพื้นที่เสี่ยงภัยเพิ่มมากขึ้น บางพื้นที่เพิ่มถึง 2-3 ตัวเท่าตัว อีกทั้งหากจำเป็นต้องอพยพจริงก็ยังไม่แน่ใจว่าจะอพยพได้อย่างรวดเร็วทันเวลาหรือไม่ เพราะผู้คนยังมีความคิดหลากหลาย มีวิธีการอพยพแตกต่างกัน บางคนอาจพร้อมอพยพทันที แต่บางคนอาจจะรีบบกลับบ้านก่อนเพื่อไปหาครอบครัวหรือนำของสำคัญออกมา พ่อแม่อาจจะไปหาลูกที่โรงเรียนก่อน หรืออาจรออพยพพร้อมกับคนที่ตนรัก ดังนั้นกระบวนการอพยพจึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก หากไม่มีการเตรียมพร้อมที่ดีพออาจจะมีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมากเพราะอพยพไม่ทัน

เช่นเดียวกับ ผศ.ดร.ปานนท์ ลาชโรจน์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล ที่กล่าวว่า เหตุการณ์สึนามิปี 2547 ทำให้ได้รับบทเรียนว่า  หนึ่งในสาเหตุหลักที่สร้างความเสียหายอย่างมาก คือขาดการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือเหตุการณ์ในอนาคต  ความเสี่ยงภัยและกระบวนการอพยพเป็นสิ่งที่ต้องหมั่นทบทวน ที่ผ่านมาพื้นที่ตามแนวชายฝั่งอันดามันได้ฟื้นฟูและเกิดความเปลี่ยนแปลงสภาพของพื้นที่เสี่ยง โครงการวิจัยได้ประเมินความเสี่ยงภัยสึนามิจากแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวบริเวณทางตอนเหนือของแนวมุดตัวซุนดา  ตั้งแต่หมู่เกาะอันดามันไปจนถึงบริเวณอาระกันเลียบชายฝั่งประเทศเมียนมา รวมถึงการทบทวนกระบวนการอพยพในพื้นที่เขาหลักโดยใช้เทคโนโลยีแบบจำลองคอมพิวเตอร์ Multi-Agent Simulation ซึ่งตรรกะความคิดแต่ละคนขณะหนีภัยและการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบข้างจะแตกต่างกันไป ทำให้เกิดการค้นพบมาตรการสนับสนุนการอพยพที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่นั้น ๆ 

โครงการวิจัยต่อไปจะศึกษาความเสี่ยงภัยสึนามิที่เป็นไปได้ (PTHA) รวมถึงการจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยเพิ่มเติมในหลายพื้นที่บริเวณชายฝั่งอันดามัน เพื่อสื่อสารไปยังประชาชนที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้นให้เกิด “ความตระหนักไม่ใช่ตระหนก”

นักวิจัยชี้ ไทยมีโอกาสเจอ"สึนามิ"อีก ห่วงประชาชนเริ่มละเลยความเสี่ยง

ส่วนแบบจำลองการอพยพจะใช้พื้นที่ป่าตองซึ่งมีสภาพแตกต่างจากพื้นที่เขาหลักมาศึกษามาตรการอพยพที่เหมาะสมเพิ่มเติม รวมถึงเส้นทางอพยพไปยังจุดปลอดภัยต่าง ๆ โดยจะเริ่มต้นการประเมินความปลอดภัยของอาคารอพยพที่สามารถถูกกำหนดขึ้น อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม และสถานที่ราชการ โดยใช้แบบจำลองพหุฟิสิกส์เชิงคำนวณ Fluid-Structure Interaction 

ด้าน ผศ.ดร.ภาสกร ปนานนท์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า แผ่นดินไหวไร้พรมแดน ที่ผ่านมาเกิดแผ่นไหวขนาดปานกลางและขนาดใหญ่จำนวนมากใกล้ชายแดนประเทศไทย สร้างความเสียหายให้ชุมชนที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-ประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้ง จึงจำเป็นต้องศึกษารอยเลื่อนมีพลังและลักษณะการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้าน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยด้วยในอนาคต ซึ่งถือเป็นความร่วมมือไร้พรมแดน

ขณะที่ระบบแจ้งเตือนการเกิดแผ่นดินไหวยังมีข้อจำกัดหลายอย่างและใช้เงินลงทุนสูงมาก จึงควรศึกษาข้อดี ข้อด้อย และข้อจำกัดต่าง ๆ โดยอาจทำเป็นระบบนำร่องก่อนลงทุนจำนวนมาก ขณะที่ข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดของการสร้างแบบจำลองสึนามิของประเทศไทยคือ ยังขาดข้อมูลภูมิประเทศความละเอียดสูงมากของชายฝั่งของประเทศไทยทั้งบนบกและในทะเล จึงจำเป็นต้องมีการสำรวจให้ได้ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อให้การสร้างแบบจำลองมีความแม่นยำมากขึ้น
นักวิจัยชี้ ไทยมีโอกาสเจอ"สึนามิ"อีก ห่วงประชาชนเริ่มละเลยความเสี่ยง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ