"พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต" พระนักเทศน์นักบรรยายชื่อดัง แห่งวัดสร้อยทอง เดินทางเข้ากราบลาพระธรรมวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ก่อนที่จะลาสิกขาในวันที่ 29 ธันวาคม 2564 โดยพระธรรมวชิรโมลี ได้ให้คติธรรมคำสอนก่อนลาสิกขาว่า ชีวิต เปรียบเหมือนเรือ เมื่อลอยล่อง หางเสือต้อง ถือให้มั่น มิหวั่นไหว เมื่อลมจัด พัดกระหน่ำ โปรดจำไว้ ว่าโพยภัย ทุกข์มหันต์ นั้นธรรมดา
ท่านมีเสน่ห์กับคำพูดคำจาท่านพูดอะไรก็สุดแล้วแต่ญาติโยมเขาชื่นชม ได้ทราบว่ามีเจ้าสัวทั้งหลายบริษัทใหญ่ๆเข้ามาให้ความช่วยเหลือ จะดึงเข้าไปช่วยงาน เท่าที่ทราบมาเจ้าสัวทั้งหลายยินดีที่จะให้การดูแลถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะคนดีอยู่ที่ไหนก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้น คนดีอยู่ที่ไหนก็ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งนั้น อยู่เป็นพระก็ไม่ได้อยู่เฉยๆไปเทศน์ที่โน่นที่นั่น หาเงินหาทองช่วยเหลือ แม้กระทั่งที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็มีญาติโยมติดใจถามหาอยู่เรื่อย เพราะคนไทยที่สวิสอยากจะหัวเราะบ้าง มหาอยู่เป็นพระก็เป็นพระที่มีประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสึกหาลาเพศไปแล้วก็เป็นประชากรที่ดีของประเทศชาติเพราะฉะนั้นคนดีอยู่ที่ไหนเป็นประโยชน์ทั้งนั้น เห็นคุณค่าของผ้าเหลืองก็ดีแล้วเราได้ดิบได้ดีมาเพราะอาศัยพระพุทธศาสนา เพราะอาศัยร่มผ้าเหลือง เพราะฉะนั้นเมื่อจะจากก็ต้องทำอะไรให้เป็นประโยชน์ตรงนี้สำคัญ
ส่วนเรื่องของวงการสงฆ์ในประเทศไทยนั้น พระสชิรธรรมโมลี กล่าวไว้ว่า สงฆ์เรามันก็ธรรมดาจะให้สมบูรณ์ก็เป็นไปไม่ได้ จะให้ไม่สมบูรณ์ก็ไม่ใช่ มันมีดี ไม่ดี สมัยพุทธกาลก็ไม่ใช่หมายความว่าพุทธศาสนาจะไม่มีปัญหาเพราะฉะนั้นก็ต้องมองในแง่ดี
นอกจากนี้ "พระมหาสมปอง" ได้ขอปวารณาตนเพื่อช่วยเหลือวัดยานนาวารายการบูรณะปฏิสังขรณ์สิ่งปลูกสร้างภายในวัดและหลังลาสิกขาเป็นฆราวาสพร้อมทั้งรับวัตถุมงคลจากพระธรรมวชิรโมลี เป็นของที่ระลึกก่อนเข้าสู่การเป็นฆราวาส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง