เพจเฟสบุ๊ค "หมอแม่สอด" ได้โพสต์เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่มีชาวเมียนมาอพยพหนีภัยสู้รบเพิ่มเติม
วันที่ 24 ธ.ค.64 กรณีสถานการณ์การสู้รบ ในพื้นที่ฝั่งเมียนมา ยังคงมีการสู้รบต่อเนื่อง จนได้ยินเสียงปืน ในฝั่งไทยเมื่อคืนที่ผ่าน ล่าสุดการสู้รบระหว่าง กองกำลังทหารทหารเมียนมา และกองกำลังทหารชนกลุ่มน้อย บริเวณพื้นที่บ้านมินละป่าน พื้นที่ตรงข้ามตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ส่งผลทำให้ราษฏร ชาวเมียนมาหนี อพยพเดินข้ามแม่น้ำเมย เข้ามายังฝั่งไทย บริเวณพื้นที่บ้านใหม่แม่โกนเกน หมู่ 2 ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก รวมจำนวน 470 คน
เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 กองกำลังนเรศวร พร้อมหน่วยงานฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้การช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน และเตรียมส่งผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ทั้งหมดไปพักยังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณคอกวันมหาวันเมยโค้ง ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด
ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาพบว่า มีราษฎรชาวไทย ในพื้นที่ ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด ไม่ไว้วางใจสถานการณ์ ไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจำนวนมาก ก่อนที่จะกลับมาพักที่บ้านในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งทางผู้นำหมู่บ้าน ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในกรณีเกิดสถานการณ์ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ ชรบ. ดูแล ความปลอดภัยในพื้นที่ หมู่บ้านต่างๆ แนวชายแดน ดูแลสอดส่องแจ้งข่าวสาร
นอกจากนี้ เพจเฟสบุ๊ค "หมอแม่สอด" ได้โพสต์เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่มีชาวเมียนมาอพยพหนีภัยสู้รบเพิ่มเติม ทีมแพทย์สนาม เข้ามาดูแลข้อความระบุว่า
"สวัสดีทุกท่านค่ะ หมอกลับมาแล้วพร้อมข่าวที่แย่มากๆ ว่าบริเวณประเทศเพื่อนบ้านเกิดภัยสงครามขนาดใหญ่ ขณะนี้มีผู้อพยพหลายพันข้ามน้ำมาสู่อำเภอแม่สอดแล้ว และกำลังจะข้ามมาอีกมากค่ะ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รพ.แม่สอดร่วมกับ สสอ. แม่สอด ทำงานด่านหน้าเข้าตรวจและลำเลียงคนเจ็บ เข้าสู่รพ. พร้อมทั้งจัดทีมแพทย์พยาบาลลงสนาม ดูทั้งผู้บาดเจ็บจากการสงคราม และผู้ป่วยโรคติดเชื้อโรคเรื้อรังทั้งหลาย ทั้งภัยสงครามโดยตรง ทั้งการเจ็บป่วยที่เกิดจากติดเชื้อ โรคประจำตัว และภาวะกดดันประเดประดังเข้ามามากมาย สัปดาห์ที่ผ่านมา
หากผู้ป่วยและญาติท่านใดมารับบริการที่โรงพยาบาล และรู้สึกว่าเราดูอ่อนล้า และช้ากว่าปกติ พวกเราน้อมรับคำกล่าวโทษและขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
2 ปีกับการระบาดของโควิดในแม่สอด ร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนี้ เราบอบช้ำมากจริงๆ เมื่อวานเราได้ประเมินสถานการณ์ และพบว่าบริเวณที่เจ้าหน้าที่ของเราเข้ารักษาผู้บาดเจ็บ ใกล้กับสมรภูมิมากเกินไป อยู่ในรัศมีที่อาจมีการทิ้งระเบิด แม้จะเสียใจที่ไม่อาจดูแลผู้ป่วยได้ทันทีเช่นเดิม
แต่ก็ไม่อาจเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตในหน้าที่ ณ จุดนั้นได้ จึงตัดสินใจถอยร่นมายังบริเวณที่คาดว่าน่าจะปลอดภัย (แต่ก็ยังไม่รู้ว่าปลอดภัยจริงไหม ) เราขอกราบขอโทษผู้ป่วยทุกท่านล่วงหน้า ทั้งที่หนีภัยสงครามมา และประชาชนไทยทั่วไปที่อาจได้รับความล่าช้าในการดูแลรักษา เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้เกินกำลังเราจริงๆ และหวังว่าสงครามจะสงบในเร็ววัน"
ป.ล.อยากให้ทุกคนช่วยกันให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รพ.สต. และ EMS
กู้ชีพกู้ภัย เพราะเป็นด่านหน้าสุดๆจริงๆ
#safemaesot
#แม่สอดต้องรอด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง