ข่าว

นายกฯ ตั้งเป้าปี 65 เป็นปีแห่งการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ เดินหน้าสกัดโอไมครอน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายกฯ ย้ำเดินหน้ามาตรการเข้มข้น สกัด "โอมิครอน" ตั้งเป้าปี 65 เป็นปีแห่งการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ พร้อมกำชับทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมระบบรองรับมาตรการการคัดกรอง เฝ้าระวังกลุ่มบุคคล/กิจกรรม ช่วงปีใหม่ และติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศที่เข้มงวดขึ้น

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ย้ำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความถี่และความเข้มข้นในการเฝ้า ระวัง และติดตามนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ หรือคนไทยที่เดินทางกลับเข้าประเทศ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าประเทศและมาตรการสาธารณสุขที่กำหนด ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผอ. ศบค. ดำเนินทุกมาตรการเพื่อป้องกันและชะลอการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน ขณะเดียวกัน ก็เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อเนื่อง ทั้งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเปราะบาง รวมทั้งให้ทำความเข้าใจกลุ่มผู้ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน เพื่อให้เห็นประโยชน์ของการฉีดวัคซีนด้วย โดยตั้งเป้าหมายให้รณรงค์ให้ปีหน้าเป็นปีแห่งการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ หรือวัคซีนเข็มกระตุ้น สำหรับคนไทยด้วย

 

ล่าสุดคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เห็นชอบ 2 เรื่องหลัก ๆ คือ 1. เห็นชอบฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเข็มที่ 4 กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และบุคลากรด่านหน้า รวมทั้งกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ 2. เห็นชอบให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดแก่เด็กอายุ 5-11 ปี โดยเป็นวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยที่ผู้ปกครองและเด็กต้องแสดงความสมัครใจและยินยอม 

“ขณะนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยว หัวต่อของสถานการณ์ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดิม คือ เดลต้า ไปสู่โควิด-19 กลายพันธุ์ โอไมครอน  ซึ่งกำลังเป็นความท้าทายระบบการป้องกันและควบคุมโรคที่ไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ รัฐบาลและ ศบค. มีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มข้น ระงับการเดินเข้าประเทศแบบ Test and Go และ Sandbox ชั่วคราว ซึ่งรัฐบาลเข้าใจและเห็นใจผู้ประกอบการ ภาคเอกชน ที่อาจต้องปรับรูปแบบการประกอบการให้เข้ากับสถานการณ์และความจำเป็นในระยะนี้  ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยซึ่งกันและกันด้วยการดำเนินกิจกรรมได้ภายใต้มาตรการ COVID Free Setting และขอให้ทุกคนปฏิบัติตาม Universal Prevention อย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจ ATK เป็นระยะ ๆ รัฐบาลพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนให้ใช้ช่วงเวลาเทศกาลปลายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างมีความสุขและปลอดภัย” โฆษกรัฐบาลกล่าว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้ปรับมาตรการเข้าราชอาณาจักรชั่วคราว หลังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในหลายประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสาธารณสุข คมนาคม การท่องเที่ยว การต่างประเทศ เร่งชี้แจงแนวทางดำเนินการของรัฐบาลให้ภาคธุรกิจเอกชน นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เกิดความเข้าใจแนวทางการควบคุมโรคของประเทศไทย  

 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเตรียมระบบงาน ให้มีความพร้อมรับกับมาตรการที่จะเข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการคัดกรองและติดตามผู้ที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางเข้าประเทศไทย เช่นกลุ่มที่เข้าประเทศรูปแบบ Test&Go จำนวน 2 แสนคน รวมถึงกลุ่มที่เข้าประเทศด้วยรูปแบบภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ยังเปิดให้เข้าตามปกติ   

 

 น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้รับทราบถึงประเด็นปัญหาเรื่องของระบบติดตามนักท่องเที่ยว ที่ผู้ประกอบการโรงแรมได้สะท้อนระหว่างการประชุมชี้แจงของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่าขณะนี้มีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ไม่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหมอชนะได้ เนื่องจากมีปัญหาทางเทคนิคระหว่างระบบของหมอชนะกับระบบไทยแลนด์พาส ซึ่งในส่วนนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับหน่วยงานที่ดูแลด้านระบบให้ร่วมกันแก้ไขปัญหานี้ หรือหาแนวทางรองรับให้เร็วที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและประสิทธิภาพในการติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศต่อไป    

 

 “นายกรัฐมนตรีขอบคุณผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวที่เข้าใจในสถานการณ์ ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการดำเนินมาตรการที่เข้มงวด  ส่วนประเด็นปัญหาที่ภาคเอกชนได้สะท้อนทั้งในเรื่องระบบแอปพลิเคชันเพื่อติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศและเรื่องอื่น ๆ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งแก้ไขต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ