ข่าว

ราชกิจจาฯ ประกาศพรก.สถานการณ์ฉุกเฉินออกข้อกำหนดรับมือแพร่ระบาดโอไมครอน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เช็กเลย ราชกิจจาฯ เผยแพร่ แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รับมือเชื้อไวรัสกลายพันธุ์"โอไมครอน"

 

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.64  ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19 ) ที่ ๒๕/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๐)

 

ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ขยาย ระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕

 

โดยนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๔๐) ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ กำหนดประเภทของผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ระบาดและสอดรับนโยบายการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล และออกคำสั่งเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงาน เจ้าหน้าที่นำไปดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด นั้น

ราชกิจจาฯ ประกาศพรก.สถานการณ์ฉุกเฉินออกข้อกำหนดรับมือแพร่ระบาดโอไมครอน

 

บัดนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์สายพันธุ์ โอมิครอน (Omicron ) ในหลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ ที่สามารถแพร่กระจายและมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ และอาจมีผลต่อประสิทธิภาพ ในการป้องกันโรคของวัคซีนป้องกันโรคโควิด - 19 โดยที่ประเทศไทยเริ่มตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ โอมิครอนที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านระบบคัดกรองและป้องกันโรคเป็นระยะ ประกอบกับ จำนวนประชากรในประเทศที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) มีสัดส่วนที่ยังไม่มากพอจนอาจมี ความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขหากเกิดการระบาดรุนแรงของไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว และตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๕/๒๕๖๓ เรื่อง การจัดตั้ง หน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และการปฏิบัติหน้าที่ ของพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์

 

อาศัยอำนาจตามความ ในข้อ ๔ (๒) ของคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 จึงมีคำสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไป ตามมาตรการป้องกันโรค ดังต่อไปนี้

 

ข้อ ๑ ให้ระงับการรับลงทะเบียนการเดินทางเข้าราชอาณาจักรของผู้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักรประเภท (๑) และ (๒) ของข้อ ๑ ของคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ที่ ๒๔/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำ หนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๙) ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย ๑๔ วัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ หรือ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ยกเว้นกรณีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้ซึ่ง ได้รับอนุญาตประเภท (๒) ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้กำหนดเป็นพื้นที่นำร่อง ด้านการท่องเที่ยวที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการบริหารจัดการป้องกันและควบคุมโรคได้ อย่างเคร่งครัดและเหมาะสมกับสถานการณ์

 

ข้อ ๒ ให้ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทำงเข้ามาในราชอาณาจักรตามคำสั่ง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19 ) ที่ ๒๔/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๙) ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เฉพาะ หลักฐานการชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร และการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 ครั้งที่ ๒ ในระหว่างที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักร โดยยังคง ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอื่น ๆ ตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้โดยเคร่งครัด ดังนี้

 

๒.๑ ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (๑) และ (๒) ที่ได้ลงทะเบียน และได้รับอนุมัติให้เดินทางเข้าราชอาณาจักรแล้ว และได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ก่อนวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ แล้ว ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักร ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด -19) ที่ ๒๔/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๙) ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔

 

๒.๒ ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (๑) และ (๒) ที่ได้ลงทะเบียน และได้รับอนุมัติให้เดินทางเข้าราชอาณาจักรแล้ว และเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามา ในราชอาณาจักร ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

 

๒.๒.๑ กรณีผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ประเภท (๑) ให้เข้ารับ กำรตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT - PCR ครั้งที่ ๒ จากสถานพยาบาลหรือหน่วยงานของภาครัฐ และเอกชนตามที่ทางราชการกำ หนด ในระหว่างวันที่ ๕ - ๖ ของระยะเวลาที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักร หรือเมื่อมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ โดยทางราชการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกำหนด

 

๒.๒.๒ กรณีผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (๒) ให้มีหลักฐาน หรือเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้าราชอาณาจักร และให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT - PCR จำนวน ๒ ครั้ง ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

 

(๑) ให้มีหลักฐานการชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการ กำหนดเมื่อผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร อย่างน้อย ๗ วัน และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT - PCR จำนวน ๑ ครั้ง ทั้งนี้ ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกัน ตามที่ทางราชการกำหนด ได้แก่ สถานที่ที่ผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อ กระทรวงสาธารณสุข หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อ กรุงเทพมหำนครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี อนุมัติและตรวจสอบ และให้บังคับใช้ เงื่อนไขนี้กับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรที่แม้จะมีสถานที่พำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวด้วย

 

(๒) ให้โรงแรมหรือสถานที่พัก หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่ทางราชการกำหนด แล้วแต่กรณี ประสานสถานพยาบาลหรือหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อทำการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT - PCR ครั้งที่ ๒ ให้แก่ผู้เดินทาง ระหว่างวันที่ ๕ - ๖ ของระยะเวลาที่พำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือเมื่อมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ โดยทางราชการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกำหนด

 

๒.๓ กรณีผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (๒) เฉพาะที่เดินทางเข้ามา ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่ได้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป และได้รับอนุมัติ ให้เดินทางเข้าราชอาณาจักร และเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ให้มีหลักฐานหรือเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้าราชอาณาจักร และให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อ โรคโควิด - 19 โดยวิธี RT - PCR จำนวน ๒ ครั้ง ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

 

(๑) ให้มีหลักฐานการชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการ กำ หนดเมื่อผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร อย่างน้อย ๗ วัน และค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT - PCR จำนวน ๒ ครั้ง ทั้งนี้ ต้องเป็นโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกัน ตามที่ทางราชการกำหนด ได้แก่ สถานที่ที่ผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อ กระทรวงสาธารณสุข หรือสถานที่ซึ่งผู้เดินทางต้องเข้ารับการกักกันตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อ กรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี อนุมัติและตรวจสอบ และให้บังคับใช้ เงื่อนไขนี้กับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรที่แม้จะมีสถานที่พำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวด้วย

 

 (๒) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด - 19 โดยวิธี RT - PCR ครั้งที่ ๒ ให้แก่ผู้เดินทาง ระหว่างวันที่ ๕ - ๖ ของระยะเวลาที่พำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือเมื่อมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกำหนด

 

ข้อ ๓ สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (๓) (๔) (๕) และ (๖) ของข้อ ๑ ของคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (โควิด - 19) ที่ ๒๔/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำ หนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๙) ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้โดยเคร่งครัด

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
 

สั่ง ณ วันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔

 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19

 

คลิกอ่านฉบับเต็ม 

คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด - ๑๙) ที่ ๒๕/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๐)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ