ข่าว

คาสิโน "สังศิต" แนะยึดโมเดลสิงคโปร์ ชี้ "บางนา" เหมาะสร้างที่สุด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ดร.สังศิต แนะรัฐบาลยึดโมเดลสิงคโปร์สร้างคาสิโน พร้อมระบุ เขตบางนา พื้นที่เหมาะสุดในการก่อสร้าง เหตุสามารถเดินทางออกท่องเที่ยวต่างจังหวัดง่ายสุด ส่วนภาษีต้องเก็บทุกวัน และเขียนกฎหมายนำภาษีเป็นสวัสดิการให้ประชาชน

จากกรณีมีการผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ในรูปแบบของสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งเป็นข้อเสนอของทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านที่มีการเสนอญัตติซึ่งมีเนื้อหาที่ตรงกัน คือ เสนอให้ตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายที่เมืองหลักและเมืองท่องเที่ยว หวังเป็นช่องทางหารายได้เข้าประเทศ ล่าสุดมีการตั้งคระกรรมการขึ้นมาศึกษา

กรณีดังกล่าว รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกวุฒิสภา /นักวิจัยเกี่ยวกับเศรษฐกิจบ่อนการพนัน มองว่า เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลกับฝ่ายค้านจับมือกันผลักดันในเรื่องการทำบ่อนคาสิโน และเป็นรอบ 50 ปี ที่เกิดปรากฎการณ์นี้ การทำบ่อนคาสิโนต้องทำโดยรัฐบาลที่สุจริต เพราะการดำเนินการเรื่องนี้จะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ หากรัฐบาลไม่สุจริต โอกาศรอดเป็นไปได้ยาก

 

"ยืนยันไม่ได้เป็นการมอมเมาสังคม เพราะบริบทในโลกเปลี่ยนไปแล้ว หากย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา เพราะอย่างสิงค์โปรก็เพิ่งทำให้ถูกกฎหมายเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แต่เขาก็มีการต่อสู้กว่า 40 ปี กว่าจะดำเนินการได้ ฉะนั้นของเรา 50 ปี ก็ไม่ได้ช้ากว่าสิงค์โปรมากนัก และปัจจุบันสังคมไทยเปิดกว้างกับเรื่องนี้ ยอมรับความจริงต้องถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำ ทัศนคติคนในสังคมและ ส.ส.ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าสมัยก่อน เพราะเริ่มจะเห็นได้ว่าวิธีการหารายได้เข้าประเทศ การทำคาสิโนมันเป็นเครื่องมืออันหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล และสามารถทำให้เกิดการจ้างงานได้ เกิดธุรกิจต่อเนื่องจำนวนมากในประเทสไทย เช่นข้าวปลาอาหารมากมายมันก็จะเกิดขึ้น ฉะนั้นมุมมองที่จะเห็นเศรษฐกิจดีขึ้นก็เริ่มมีมุมมองในเรื่องการทำคาสิโน"

รศ.ดร.สังศิต กล่าวว่า สำหรับจุดแข็งของประเทศไทยหากมีคาสิโนเกิดขึ้น อยากให้ศึกษารูปแบบของสิงคโปร์เป็นโมเดล โดยที่สิงคโปร์ไม่เรียกว่าคาสิโน แต่เขาทำเป็นรีสอร์ทครบวงจร ซึ่งใช้พื้นที่สร้างหากเทียบจำนวน 100% จะแบ่งพื้นที่ทำคาสิโนแค่ 3% อีก 97% เป็นการสร้างหอประชุมนานาชาติ ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก สามารถรองรับคนเข้าประชุมพร้อมกันทีเดียวได้ถึง 4 หมื่นคน นอกจากจะมีหอประชุมแล้ว ยังมีการแบ่งโซนแสดงสินค้านานาชาติ มีโรงแรม มีห้างสรรพสินค้า มีร้านอาหาร

 

"หลักคิดของสิงค์โปรคือผมชอบ เพราะว่าทุกประเทศในโลกที่เปิดคาสิโนก่อนสิงค์โปร์ เขาจะเน้นไปที่คนที่ชอบเล่นการพนันไปเล่น เช่น ลาสเวกัส หรือว่ามาเก๊า แต่สิงค์โปร เขาเน้นเอาคนที่ไม่ได้ชอบเล่นการพนัน เขาจะเน้นกลุ่มคนที่มาประชุมเรื่องแพทย์ เรื่องวิศวะ เรื่องสถาปัตย์ เรื่องอะไรต่างๆ คือคนกลุ่มนี้รายได้สูง เพราะเมื่อเราทำครบวงจรได้อย่างสิงคโปร์ คนที่มาประชุมหากมีเวลา ก็จะมีการออกไปกินข้าวกินอาหาร ไปชอปปิ้ง หรือแม้กระทั่งอาจจะแวะเข้าไปคาสิโน ก็เป็นเรื่องของเขา"

นอกจากนี้ รศ.ดร.สังศิต ยังมองว่าประเทศไทยไม่ควรเปิดเป็นบ่อนคาสิโนเหมือนลาสเวกัส หรือมาเก๊า แต่อยากให้ยึดรูปแบบคล้ายๆสิงคโปร์ คือเปิดให้ครบวงจร แต่ให้แบ่งโซนแค่ 3%เท่านั้น โดยอย่างลาสเวกัสคนส่วนใหญ่จะไปเล่นในช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ แต่โรงแรมจะเต็มในช่วงเวลานี้ ซึ่งทำรายได้จริงๆเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น เนื่องจากมีทั้งคนไปเที่ยววันหยุด แต่วันธรรมดาคนไม่มี โดยที่สิงคโปร์ จะมีคนเดินทางเข้าพักเต็มทุกวัน มีรายได้เข้าประเทศทุกวัน เมื่อศูนย์ที่เขาตั้งขึ้นซึ่งมีคนเข้าพักเต็ม เมื่อคนเต็ม ก็จะมีการกระจายไปยังโรงแรมโดยรอบหรือใกล้เคียง

 

อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.สังศิต ระบุว่า สถานที่ตั้งในการทำคาสิโนต้องอยู่กรุงเทพฯ เพราะสะดวกเรื่องการเดินทาง  โดยโซนที่เหมาะที่สุดคือเขตบางนา แต่ทั้งนี้ต้องมีการเชื่อมโยงรถไฟฟ้าที่ต้องมาเชื่อมกับสนามบิน เพื่อให้การเดินทางสะดวก หากไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เขาจะต้องไปสิงคโปร์ อย่างแน่นอน และจุดแข็งที่สำคัญที่ไทยจะสามารถชนะสิงคโปร์ได้คือ ห้องพักต้องทำให้ถูกกว่า ที่สำคัญมีสินค้าราคาถูก โดยเฉพาะพืชผักผลไม้ไม่มีการนำเข้า จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ด้วย

 

"ไม่เห็นด้วยหากทำคาสิโนในต่างจังหวัด เพราะกรุงเทพเหมาะที่สุด หากทำภูเก็ต ทำได้ แต่คนไปไม่เยอะ แพ้สิงค์โปรอย่างแน่นอน แต่ที่สิงค์โปรห้ามโฆษณาเรื่องการพนัน และเขามีรายได้ 2 แสนล้านบาทต่อปี หากไทยทำสำเร็จ-อาจมีรายได้ ถึงจะไม่เท่าสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาทต่อปี และไทยต้องเขียนกฎหมายให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ โดยภาษีที่เก็บได้ ต้องให้ประชาชน 80% เป็นสวัสดิการอำนวยความสะดวก ส่วนรัฐบาลเอาไป 20% พอ"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ