"ข้าวหลามหนองหอย" ไส้ชีส-ปูอัด พลิกวิกฤต "โควิด" โกยรายได้วันละครึ่งหมื่น

ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของจังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้ (21ธ.ค.) อุณภูมิพื้นราบอยู่ที่ประมาณ 15 องศา และอากาศค่อนข้างหนาวเย็น สิ่งที่ชาวเชียงใหม่ มักจะนึกถึงคือข้าวหลามร้อนๆ เพราะสามารถนำมารับประทานแก้หิว และคลายอากาศหนาวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะบนถนนสายต้นยาง เชียงใหม่–ลำพูน ย่านสี่แยกหนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จะได้พบกับ "ข้าวหลามหนองหอย" ซึ่งเป็นร้านข้าวหลามขึ้นชื่อ เปิดขายมานานเกือบ 20 ปี แถมยังสวนกระแสวิกฤต "โควิด" 

ทุกๆ เช้าจะได้เห็นภาพ "มานพ สุริยะมโน" อายุ 50 ปี เจ้าของร้าน "ข้าวหลามหนองหอย" คอยรับหน้าที่ เผาข้าวหลามอย่างขะมักเขม้น โดยร้านข้าวหลามหนองหอย มีข้าวหลามหลากหลายไส้ ให้ลูกค้าได้เลือกกินกันตามใจชอบ ทั้งไส้มาตรฐานเช่น กะทิ , ถั่ว และ งา แต่ที่พิเศษของร้านข้าวหลามหนองหอย ทำให้ไม่เหมือนร้านข้าวหลามอื่นๆ คือ การนำความทันสมัยมาใส่ทำให้เกิดไส้ ปูอัดชีส , แฮมชีส และ หมูปิ้ง และราคาขายไม่ได้แพง สนนราคาเพียงแต่กระบอกละ 25 บาท

นายมานพ เปิดเผยว่า ตนเองเปิดร้านขายข้าวหลามมาแล้ว 19 ปี เริ่มขายครั้งแรกปี 2545 เริ่มขายครั้งแรกราคากระบอกละ 15 บาท ผ่านไป เกือบ 20 ปี ได้มีการปรับราคาขึ้นมาเป็น 25 บาท ซึ่งเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจที่ต้นทุนสูงขึ้นทุกปี โดยสูตรเริ่มต้นจะมี 3 ไส้คือ กะทิ , ถั่ว และ งา เป็นสูตรที่ประจำครอบครัว ที่ตนเองจำมาจากแม่ทำให้กินมาตั้งแต่เด็ก

โดยวิธีการทำจะคล้ายๆข้าวเหนียวมูล ถ้าทั่วๆไปจะนำข้าวสารไปแช่น้ำหรือภาษาเหนือเรียกว่าหม่าข้าว หลังจากนั้นมีการใส่กะทิและไส้ลงไปในกระบอกพร้อมกับข้าว แล้วย่างไฟจนสุก แต่ถ้าทำแบบนี้ย่างไม่ดีหรือไม่ชำนาญอาจทำให้ข้าวแข็งบางครั้งสุกนอกดิบใน แต่ของตนเองจะนำข้าวไปนึ่งให้สุกก่อน หลังจากนั้นนำมาคลุกเค้ากับน้ำกะทิ ก่อนจะผสมไส้แล้วใส่กระบอกนำไปย่าง จะทำให้ข้าวมีความนุ่มหอมหวานมันและอร่อย

ในส่วนของไส้ที่เพิ่มมา ทั้ง ปูอัดชีส , แฮมชีส และ หมูปิ้ง เกิดจากตนเองเห็นหลานกินปูอัดชีดและแฮมชีส กับพวกอาหารประเภทชีส จึงถามหลานว่าทำมถึงกินชีส หลานตอบกลับมาว่าเดี๋ยวนี้วัยรุ่นฮิตกินชีส ตนเองจึงเกิดไอเดียนำมาใส่ในข้าวหลาม นอกจากนี้ยังมีการนำผลไม้ตามฤดูกาลมาทำไส้ด้วยเช่น ลำไย และเห็ดเผาะหรือเห็ดถอบ
 

นายมานพ กล่าวอีกว่า ยอดขายในแต่ละวันช่วงฤดูหนาว จะมียอดขายวันละ 100 -150 กระบอก แต่ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะขายได้มากถึงวันละ 200 กระบอก มีรายได้ถึงวันละ 2,500 – 5,000 บาท แต่ถ้าในช่วงฤดูร้อนกับฤดูฝน จะเหลือเพียงวันละ 40 – 50 กระบอกเท่านั้น เพราะข้าวหลามจะขายดีในช่วงอากาศหนาว โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ และถ้าในช่วงฤดูหนาวจะมีนักท่อเที่ยวที่ผ่านมาในเส้นต้นยาง จะแวะซื้อกินระหว่างทางไปท่องเที่ยวด้วย

ทั้งนี้ จะเริ่มขายตั้งแต่ 6 โมงเช้า ขายไปจนหมด ส่วนใหญ่จะหมดในเวลาประมาณ 10.00 น. แต่ตนเองจะต้องมาตั้งเตาก่อไฟตั้งแต่ 4.30 น. พี่สาวจะกรอกข้าวใส่กระบอกให้ตั้งแต่ 2.00 น. เมื่อเผาเสร็จแล้วเศษไม้ไผ่ที่เกิดจากการเหลากระบอก จะนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการก่อไฟเผาข้าวหลามในวันต่อไป เพื่อเป็นการใช้วัสดุใกล้ตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นการลดต้นทุนอีกด้วย "ข้าวหลามหนองหอย"