"Test & Go" คืออะไร ทำไมใช้แค่ 1 เดือนกว่าต้องยกเลิกเพื่อสกัด "โอไมครอน"

หลังจากที่ "โอไมครอน" กำลังระบาดทั่วโลก และประเทศไทยเองก็มีการตรวจเจอผู้ติดเชื้อโอไมครอนที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการระบาดอย่างเป็นวงกว้าง กระทรวงสาธารณสุข จึงมีแนวคิดที่จะพิจารณาปรับรูปแบบมาตรการการกักตัวสำหรับต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยใหม่ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มประเทศในวันที่ 1 พ.ย. 2564 เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มีการกำหนดมาตรการ การตรวจหาโควิด-19 การกักตัวเพื่อให้เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในประเทศกลุ่มเสี่ยต่ำ 63 ประเทศ โดยให้สามารถเดินทางเข้ามาไทยในรูปแบบ  

 "Test & Go" แต่เมื่อสถานกาณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มเปลี่ยนไปการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ ๆ เริ่มมีมากขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดหนักจึงจำเป็นต้องมีการยกเลิกไป โดยทางสธ. เสนอมาตรการให้ ศบค. เห็นชอบต่อไป ดังนั้นก่อนที่จะยกเลิก  "Test & Go"  วันนี้ "คมชัดลึกออนไลน์" จะพาไปรู้จักระบบดังกล่าวอีกครั้ง 

ระบบ "Test & Go"  คือ  การเดินทางเข้มาในประเทศไทยแบบ ไม่ต้องกักตัว โดยประเทศที่จะปฏิบัติตามระบบ  "Test & Go"  (Exemption from Quarantine) ต้องเป็นกลุ่มประเทศที่อยู่ในรายชื่อที่รัฐบาลกำหนด 63 ประเทศที่รัฐบาลกำหนด ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ต้องได้รับการตรวจทุกคน มีผลตรวจ RT-PCR 72 ชั่วโมง /เอกสารยืนยันที่พักและชำระค่าตรวจ RT-PCR เช่น Sha+ มีการทำประกันภัย วงเงินคุ้มครอง 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของ "Test & Go"

ต่างชาติที่ต้องการเดินทางมายังประเทศไทย จะต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass เพื่อขออนุมัติเข้าประเทศก่อนเดินทางและจะต้องทำการทดสอบ COVID-19 เมื่อมาถึงประเทศไทยเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมง ผู้เดินทางจำเป็นต้องเข้าพักในโรงแรมที่ได้รับการรับรอง SHA+ อย่างน้อย 1 คืนเพื่อรอผลการตรวจโควิด-19 หากผลการทดสอบเป็นลบจึงสามารถทางสามารถไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในประเทศไทยได้

อย่างไรก็ตามระบบ "Test & Go" อนุญาตเฉพาะผู้เดินทางจากบางประเทศหรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต หรือมีความเสี่ยงต่ำเท่านั้นที่สามารถเข้ามายังประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว ประกอบด้วย 
1.ออสเตรเลีย 
2.ออสเตรีย 
3.บาห์เรน 
4.เบลเยียม 
5.ภูฏาน 
6.บรูไนดารุสซาลาม 
7.บัลแกเรีย 
8.กัมพูชา 
9.แคนาดา 
10. ชิลี 
11.จีน 
12.โครเอเชีย 
13.ไซปรัส
14.สาธารณรัฐเช็ก 
15.เดนมาร์ก 
16.เอสโตเนีย
17.ฟินแลนด์  
18.ฝรั่งเศส
19.เยอรมนี  
20.กรีซ  
21.ฮังการี  
22.ไอซ์แลนด์ 
23.อินเดีย
24.อินโดนีเซีย
25.ไอร์แลนด์
26.อิสราเอล 
27.อิตาลี  
28.ญี่ปุ่น 
29.คูเวต
30.ลาว
31.ลัตเวีย 
32.ลิทัวเนีย 
33.ลักเซมเบิร์ก
34.มาเลเซีย 
35.มัลดีฟส์
36.มอลตา 
37.มองโกเลีย
38.เมีนนมา
39.เนปาล
40.เนเธอร์แลนด์ 
41.นิวซีแลนด์ 
42.นอร์เวย์
43.โอมาน
44.ฟิลิปปินส์
45.โปแลนด์ 
46.โปรตุเกส 
47.กาตาร์ 
48.โรมาเนีย
49.ซาอุดีอาระเบีย 
50.สิงคโปร์ 
51.สาธารณรัฐสโลวัก
52.สโลวีเนีย
53.ศรีลังกา
54.เกาหลีใต้ 
55.สเปน 
56.สวีเดน 
57.สวิตเซอร์แลนด์ 
58.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 
59.สหราชอาณาจักร 
60.สหรัฐอเมริกา 
61.เวียดนาม
62.ฮ่องกง
63.ไต้หวัน

ทั้งนี้หากมีการยกเลิกระบบ Test&Go แล้ว นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกประเทสจะต้องเข้าสู่ระบบการกักตัว State Quarantine แทนหรือไม่นั้นรายละเอียดจะต้องรอความชัดเจนจาก ศบค.และสธ.อีกครั้ง