"วัคซีนเข็ม 3" เด็ก 2-5 ขวบต้องเจอ หลัง "วัคซีนไฟเซอร์" 2 เข็ม ไม่ได้ผล
หมอเฉลิมชัย แปลกใจ "วัคซีนไฟเซอร์" 2 เข็ม ไม่ได้ผลในเด็ก 2-5 ขวบ ต้องเจอ "วัคซีนเข็ม 3" แผนขออนุมัติต้องเลื่อนออกไปถึงกลางปีหน้า
จากกรณีที่ ไฟเซอร์ อินคอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ออกมาระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จะยืดเยื้อต่อไปถึงปี 2024 หรืออีก 3 ปีจากนี้ไป สาเหตุจากผลจากทดสอบวัคซีนที่ใช้สำหรับฉีดในกลุ่มเด็ก 2-4 ปี ซึ่งใช้ปริมาณโดสในการฉีดลดลงจากปกตินั้น ปรากฏว่า สร้างภูมิคุ้มกันในตัวเด็กกลุ่มนี้น้อยกว่าที่คาดไว้
ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุขวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Chalermchai Boonyaleepun ระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม "วัคซีนไฟเซอร์" 2 เข็ม ไม่ได้ผลในเด็กอายุ 2-5 ขวบ ทำให้แผนการขออนุมัติต้องเลื่อนออกไปถึงกลางปีหน้า หลังจากที่หลากหลายบริษัท ได้วิจัย และพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิดได้ผลดี แต่ส่วนใหญ่จะฉีดในเด็กโต หรือผู้ใหญ่เป็นหลัก จนกระทั่งมีงานวิจัยออกมาว่าสามารถฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ในปัจจุบัน แต่ละบริษัทกำลังเร่งวิจัยการศึกษาฉีดวัคซีนในเด็กที่อายุน้อยกว่า 12 ปีลงมา โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กวัย 2-11 ปี
สำหรับบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่และใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ซึ่งมักจะได้ระดับภูมิคุ้มกันสูงมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในเด็กอายุ 12-15 ปี และเด็กอายุ 16 ปีขึ้นไป แต่วันนี้ ทางบริษัทได้แถลงข่าวว่า ไม่ประสบผลสำเร็จในการศึกษาทดลองฉีดวัคซีน 2 เข็มให้กับเด็กอายุ 2-5 ขวบ พบว่า ภูมิคุ้มกันขึ้นไม่สูงพอที่จะต่อสู้กับโควิดได้ ทำให้แผนการของบริษัท ที่จะยื่นขออนุมัติการฉีดวัคซีนในเด็ก(EUA) ต้องเลื่อนไปอย่างน้อยถึงกลางปีหน้า รายละเอียดการทดลองกล่าวคือวัคซีนของไฟเซอร์ขนาดปกติ (30 ไมโครกรัม) จะฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ขนาดเท่าผู้ใหญ่ ส่วนในเด็กอายุ 5-11 ปี ที่ทดลองได้ผลแล้วนั้น ฉีดเพียงหนึ่งในสามคือ 10 ไมโครกรัม และในเด็ก 6 เดือนถึง 5 ขวบ จะฉีดเพียงหนึ่งในสามของเด็ก 5-11 ปี คือ 3 ไมโครกรัม พบว่าเด็กอายุ 2-5 ขวบ ภูมิคุ้มกันขึ้นไม่สูงมากพอที่จะป้องกันโควิด ในขณะที่เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ขวบ ภูมิคุ้มกันขึ้นได้ดี ทั้งนี้ผลข้างเคียงถือว่าน้อยมาก
ทางบริษัทไฟเซอร์ได้แถลงต่อไปว่า จะเร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 2 ออกไป 2 เดือน แล้วดูว่าเด็กอายุ 2-5 ขวบที่ภูมิคุ้มกันขึ้นไม่พอนั้น จะมีผลเป็นอย่างไร นับเป็นกลยุทธ์ที่เก่งมากของบริษัท ที่แถลงข่าวไม่ดีออกมา โดยมีความหวังว่าจะมีข่าวดีตามมา ที่จะทำให้บริษัทยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างดีเพราะถ้าเข็ม 3 ได้ผลดี ก็จะกลายเป็นว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ต้องฉีด 3 เข็มเป็นเบื้องต้น ก็จะทำให้ธุรกิจของบริษัทเดินหน้าต่อไปได้ดีมาก แต่ก็จะเป็นปัญหา และแปลกทีเดียว ถ้าฉีดเข็มที่ 3 แล้ว ก็ยังป้องกันได้ไม่ดี แต่เด็ก 6 เดือนถึง 2 ขวบได้ผลดี ก็จะเป็นการอนุมัติให้ฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป จนถึงผู้สูงอายุ แต่ยกเว้นช่วง 2-5 ขวบ ซึ่งจะเป็นแนวทางที่แปลกมาก คงจะต้องติดตามกันต่อไป