ข่าว

ชัดเจน "โอไมครอน" ดื้อวัคซีน ไฟเซอร์ 2 เข็มเอาไม่อยู่ กันป่วยหนักลดเหลือ 70%

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชัดเจน โควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ดื้อวัคซีน "ไฟเซอร์" 2 เข็มเอาไม่อยู่ ป้องกันการติดเชื้อลดเหลือ 33% กันป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลลดเหลือ 70%

ชัดเจน โควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ดื้อวัคซีน "ไฟเซอร์" 2 เข็มเอาไม่อยู่ ป้องกันการติดเชื้อลดเหลือ 33% กันป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลลดเหลือ 70%

 

โควิดสายพันธุ์ใหม่ "โควิดโอไมครอน" โควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ยังคงเป็นข้อถกเถียงถึงความรุนแรง การแพร่ระบาด และความครอบคลุมของวัคซีน
ล่าสุด(18 ธ.ค.2564) ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุขวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ระบุข้อมูลล่าสุดยืนยันว่า "โอไมครอน" Omicron ดื้อต่อวัคซีนสองเข็ม ประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อลดเหลือ 33% ป้องกันการป่วยหนักจนนอนโรงพยาบาลลดเหลือ 70% ขณะนี้โลกกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ คือ "โอไมครอน" Omicron ซึ่งเป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่มีจำนวนตำแหน่งของการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดกว่า 60 ตำแหน่ง และมากที่บริเวณหนามถึง 32 ตำแหน่ง ทำให้มีผลกระทบในสามมิติด้วยกันคือ

 

  1. ความสามารถในการแพร่ระบาด
  2. ความรุนแรงของโรค
  3. การดื้อต่อวัคซีน

ในมิติแรก เกี่ยวกับการแพร่ระบาด มีข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นลำดับว่า "โอไมครอน" Omicron มีความสามารถในการแพร่ระบาดกว้างขวางมากกว่าเดลต้า 2-5 เท่า
เพียงหนึ่งเดือนแพร่ไปแล้วกว่า 80 ประเทศ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือในประเทศอังกฤษ "โอไมครอน" Omicron กำลังจะเป็นสายพันธุ์หลักแซงเดลตาสำเร็จแล้วในกรุงลอนดอนมิติที่สองคือ ความรุนแรงของโรค ในเบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปเรื่องความรุนแรงของ "โอไมครอน" Omicron ว่าจะมากกว่าเดลตาหรือไม่ แต่พบว่าเสียชีวิตค่อนข้างน้อย  เพียงแต่มีข้อพึงระวังว่า ข้อมูลที่รายงานว่ารุนแรงน้อยนั้น เป็นผู้ติดเชื้อในกลุ่มแข็งแรง คืออายุน้อย และไม่มีโรคประจำตัว เพราะคนเหล่านี้มีพฤติกรรมเสี่ยง ทำให้ติด "โอไมครอน" Omicron เป็นกลุ่มแรก จะต้องติดตามต่อไปว่า เมื่อ "โอไมครอน" Omicron ระบาดในกลุ่มสูงอายุและมีโรคประจำตัว จะมีความรุนแรงเปลี่ยนแปลงไป

 

อย่างไรบ้าง แต่ข้อมูลล่าสุดในแอฟริกาใต้ เปรียบเทียบผู้ที่ติด "โอไมครอน" Omicron ในระลอกนี้ มีความรุนแรงน้อยกว่าระลอกกลางปี 2563 อยู่ 29% 

 

มิติที่สาม การดื้อต่อวัคซีน เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าวัคซีนยังมีประสิทธิผลสูง สามารถป้องกันไวรัส "โอไมครอน" Omicron ได้ แม้การแพร่ระบาดและความรุนแรงจะเพิ่มมากขึ้น ก็คงควบคุมได้ไม่ยากนัก แต่ถ้าประสิทธิผลของวัคซีนเปลี่ยนแปลงไปในทางน้อยลง ก็จะเป็นปัญหากับมนุษยชาติมากทีเดียว

 

 

ล่าสุด ได้มีข้อมูลจากแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดและมีผู้ติดเชื้อ "โอไมครอน" Omicron มากที่สุดในโลก โดยเป็นข้อมูลมาจากสภาวิจัยการแพทย์ของแอฟริกาใต้ (SA Medical Research Council) และบริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุด (Discovery Health) ได้เก็บข้อมูลพบว่า ในมิติของประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ ผู้ที่ฉีด "วัคซีนไฟเซอร์" ครบสองเข็ม มีประสิทธิผลลดเหลือเพียง 33 % จากที่เคยมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเดลต้าที่ 80% ในมิติประสิทธิผลในการลดความรุนแรงจนต้องเข้านอนโรงพยาบาลพบว่า ประสิทธิผลลดลงเหลือ 70% จากที่เคยมีประสิทธิผลในการป้องกันเดลตาได้ 93% เป็นรายงานกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่กว่า 78,000 คน และในจำนวนนี้ 41% ได้ฉีดไฟเซอร์ครบสองเข็ม ไม่มีข้อมูลของ "วัคซีน Moderna" ในแอฟริกาใต้ เพราะไม่มีการฉีด และยังไม่มีข้อมูลประสิทธิผลของวัคซีนเข็มสาม เพราะแอฟริกาใต้ก็มีการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสามน้อยมาก

 

ขณะเดียวกัน มีข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนเชื้อตายคือ "Sinovac" พบว่า การฉีดวัคซีนสองเข็ม ก็มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อลดลงเช่นเดียวกัน ก็คงจะต้องรอข้อมูลที่ทยอยเพิ่มมากขึ้น รวมทั้ง ฝากความหวังไว้กับนักวิทยาศาสตร์ ที่จะเร่งพัฒนาวัคซีนตัวใหม่ที่จะรองรับไวรัส "โอไมครอน" Omicron ได้ดีขึ้นต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ