ข่าว

"ผบ.ตร." เผย ช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ "ดูไบ-กัมพูชา" กลับไทย 364 คน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ผบ.ตร." เผยผลการ "ช่วยเหยื่อค้ามนุษย์" จาก "ดูไบ-กัมพูชา" 364 คน ขณะผู้เสียหายขอบคุณตำรวจที่ให้การช่วยเหลือ พร้อมเตือนอย่าหลงเชื่อคำโฆษณา

16 ธ.ค.2564  พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  (ผบ.ตร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการ ช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ แรงงานไทยถูกหลอกลวงไปทำงานที่ต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 364 คน แบ่งเป็นการช่วยเหลือจากประเทศกัมพูชา จำนวน 361 คน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จำนวน 3 คน

 

นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในกรณีดังกล่าวได้เป็นจำนวนมาก โดยมีการออกหมายจับผู้กระทำผิดที่หลอกลวงคนไทยไปบังคับใช้แรงงานในกัมพูชาได้ทั้งสิ้น 32 ราย จับกุมแล้ว 15 ราย คงเหลือ 17 ราย และออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงคนไทยไปค้าประเวณีที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ทั้งสิ้น 25 ราย จับกุมแล้ว 5 ราย คงเหลือ 19 ราย

 

"ผบ.ตร." เผย ช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ "ดูไบ-กัมพูชา" กลับไทย 364 คน

 

กรณีผู้เสียหายจากกัมพูชานั้น เป็นกรณีที่ผู้เสียหายได้ถูกหลอกลวงจากข้อมูลการรับสมัครงานทางโซเชียลมีเดียเหมือนปกติทั่วไป ตั้งแต่งานรับจ้างทั่วไป จนถึงงานในคาสิโน โดยมีการใช้ตัวเลขรายได้ที่สูงมาล่อใจ เพื่อให้ผู้เสียหายมีความสนใจสมัครไปทำงานดังกล่าว แต่แท้จริงแล้วได้มีการนำพาผู้เสียหายข้ามชายแดนโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติ และมีการยึดหนังสือเดินทาง และบังคับให้ทำงานที่ผิดกฎหมายดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหลอกลวงให้คนไทยลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีอยู่จริง หรือคอลเซ็นเตอร์ สร้างความเสียหายมูลค่าหลายล้านบาท หากใครไม่ยอมทำงานดังกล่าวก็จะถูกบังคับทุบตี ทำร้ายร่างกาย กักขัง และอดอาหาร จะต้องหาทางร้องขอความช่วยเหลือจากทางการไทยเพื่อช่วยเหลือกลับประเทศไทย

 


 

"ผบ.ตร." เผย ช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ "ดูไบ-กัมพูชา" กลับไทย 364 คน

 

ส่วนในกรณีผู้เสียหายจากดูไบ เป็นกรณีที่ผู้เสียหายได้ถูกหลอกลวงในลักษณะใกล้เคียงกันคือ เป็นการรับสมัครงานในลักษณะนวดไทยในเมืองดูไบ และมีการใช้ตัวเลขค่าตอบแทนที่สูงรวมทั้งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพื่อให้เหยื่อมีความสนใจและยินยอมที่จะเดินทางไปทำงานยังปลายทางในต่างประเทศ แต่เมื่อไปถึงกลับพบว่า งานไม่ตรงกับที่ได้รับแจ้งในโอกาสแรก และถูกบังคับให้ค้าประเวณีในสถานที่ที่ถูกตั้งเป็นร้านนวดบังหน้าบางครั้งอาจจะถูกขายต่อไปยังเมืองห่างไกล และต้องถูกบังคับค้าประเวณีโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้างแต่อย่างใด 

 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นกรณีจากการค้ามนุษย์ทั้งสองเครือข่าย ที่มีผู้ต้องหาเกือบ 40 คน ที่หลบหนีอยู่ ก็ ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ขอให้ดำเนินการติดตามจับกุม ซึ่งส่วนใหญ่หนีไปยังต่างประเทศแล้ว ซึ่ง สํานักงานตํารวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างประสานงานกับต่างประเทศให้ช่วยดำเนินคดีหรือให้ข้อมูลส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หากไม่สมารถส่งตัวกลับมาได้ ก็จะส่งมอบพยานหลักฐานการกระทำความผิดในประเทศต้นทาง ให้ไปดำเนินการจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายของแต่ละประเทศ

 

ซึ่งการดำเนินคดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างดำเนินการขั้นต้น ซึ่งจะต้องมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยึดทรัพย์สินของเครือข่ายต่างๆ โดยเฉพาะเครือข่ายในประเทศกัมพูชาพบว่า มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งตำรวจอยู่ในระหว่างประสานงานกับ ปปง. ในการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ประกอบการแต่ละเครือข่าย ที่จะนำกลับมาใช้เป็นสินไหมชดเชยให้กับผู้เสียหาย

 

"ผบ.ตร." เผย ช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ "ดูไบ-กัมพูชา" กลับไทย 364 คน

 

ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทั้ง 2 เครือข่ายไม่ว่าจะเดินทางไปโดยถูกต้อง หรือ ไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม เจ้าหน้าที่จะถือว่าเป็นผู้เสียหายจะไม่ถูกดำเนินคดีย้อนหลัง หากมีผู้ใดประสบเหตุการณ์ดังกล่าวในเครือข่ายการค้ามนุษย์สามารถติดต่อกับทางการของไทยได้ทุกช่องทาง

 

"ผบ.ตร." เผย ช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ "ดูไบ-กัมพูชา" กลับไทย 364 คน

 

ส่วนกรณีที่ สหรัฐอเมริกามีการลดอันดับ การค้ามนุษย์ของประเทศไทย มาอยู่ทีละ 2 What lISt จากเดิมอยู่ที่ที่ 2 ตามรายงาน t i p Report 2021 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมาเนื่องจากสหรัฐมองว่าทางการไทย ไม่ได้พยายามแก้ปัญหาทางการค้ามนุษย์และการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวให้ได้ตามมาตรฐานขั้นต่ำของสหรัฐ

 

ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ไทยมีการดำเนินคดีการค้ามนุษย์ลดน้อยลงมากกว่าปีที่ผ่านมา และไม่สามารถเอาผิดเครือข่ายได้ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอยืนยันว่า ได้มีการดำเนินการจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว แต่ยังมองว่าการจับกุมที่ผ่านมาไม่มีคุณภาพ จึงสั่งการให้พนักงานสอบสวนที่จะดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนให้ถูกต้องและปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตั้งข้อหากับผู้กระทำความผิดให้ชัดเจน มองว่าการทำสำนวนคดี ไม่ใช่ทำให้ได้สั่งฟ้องเพียงแค่นั้น แต่ต้องเอาผิดให้ได้ในชั้นศาล เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณการจับกุม 

 

นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรมพนักงานสอบสวน เพื่อให้สามารถทำสำนวนที่เอาผิดกับผู้กระทำความผิดได้ทุกราย พร้อมกับการประสานงานสำนักงานอัยการสูงสุด และ กระทรวงแรงงาน ในด้านข้อกฎหมายอย่างละเอียด หากหน่วยงานใดมีข้อมูลว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ตนขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีไม่มีข้อละเว้น ซึ่งที่ผ่านมามีตัวอย่างมาแล้ว

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ