สลด แม่เลี้ยงดูลูกพิการทางสมอง เครียดหาทางออกไม่เจอเขียน "จดหมายลาตาย" ก่อใช้ผ้าขาวม้าผูกเอวตัวเองและลูก "โดดน้ำ"เสียชีวิตทั้งคู่
เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. วันที่ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ประสิทธิ์ ธงสี ร้อยเวรสอบสวน สภ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ มีคนจมน้ำเสียชีวิต ริมแม่น้ำข้างบ้าน จึงนำกำลัง แพทย์เวรโรงพยาบาลบ้านสร้าง พร้อมกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิสว่างบำเพ็ญสถานบ้านสร้าง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นที่เกิดเหตุอยู่บริเวณริมแม่น้ำปราจีน ด้านหลังบ้านในตำบล บางกะเบา อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี พบร่างผู้เสียชีวิต เป็นหญิง 2 ราย โดยสภาพศพมีผ้าขาวม้าผูกติดอยู่บริเวณเอวและอ้อมมายังต้นไม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้นำศพผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนขึ้นมาบริเวณด้านบนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์เวรชันสูตรในเบื้องต้น
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน เป็นแม่ลูกกัน ชื่อนางบุญโฮม อายุ 51 ปี และ ด.ญ.โสภิกา อายุ 6 ขวบ ซึ่งป่วยเนื้องอกในสมอง ทำให้ให้ตาบอด เดินไม่ได้ พักอาศัยอยู่บริเวณบ้านหลังดังกล่าว โดยจากการชันสูตรเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย คาดว่าน่าจะเป็นการเสียชีวิตด้วยตัวเอง
จากการสอบถามนายสมหมาย อายุ 56 ปี สามีของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และช่างสีในอู่รถแห่งหนึ่ง อ.บ้านสร้าง เปิดเผยว่า โดยปกติแล้วที่บ้านตนจะอยู่กันทั้งหมด 4 คน พ่อแม่ ลูก 2 คน ผู้เสียชีวิต เป็นภรรยาและลูกสาวคนเล็ก ซึ่งมีอาการป่วยเป็นเนื้องอกทางสมองตั้งแต่ 8 เดือน โดยตนและภรรยาจะพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชอยู่เสมอ ล่าสุดลูกของตนนั้นได้ไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่ประมาณ 3 เดือน และเพิ่งได้กลับมาอยู่บ้านได้ 2 วัน
โดยเมื่อช่วงเช้าก่อนที่ตนจะไปทำงานและไปส่งลูกคนโตไปโรงเรียน ตนยังได้พูดคุยกับผู้เสียชีวิตปกติโดยไม่มี ลางบอกเหตุใด ๆ และมาประมาณ 16.00 น ตนได้ไปรับ ลูกชายคนโตของตนที่เรียนอยู่โรงเรียนมาที่ทำงานด้วย และตนได้กลับถึงบ้านประมาณ 22.00 น. สังเกตเห็นว่าบ้านไม่ได้เปิดไฟ และหาภรรยาของตนไม่เจอ จึงได้โทรศัพท์สอบถามญาติว่าได้พบภรรยาของตนหรือไม่ แต่ก็ได้คำตอบว่าไม่มีใครได้พบเห็น ตนจึงลงไปดูบริเวณ หลังบ้านซึ่งติดแม่น้ำปราจีน ก็พบว่า พบภรรยากับลูกเป็นศพนอนอยู่ริมตลิ่ง ข้างบ้าน
จากที่ตนเดินสำรวจตรวจสอบภายในบ้าน ได้พบกับ กระดาษที่เขียนคล้ายกับเป็น จดหมายลาตาย ซึ่งในจดหมายนั้นได้ระบุไว้ว่า" จะขอรักตุ้มตลอดไป ดูเต้ยให้ดีนะ เต้ยแม่รักหนูนะแม่ไม่มีทางออก ใบที่ดินให้พี่สำรวยนะ แม่หนูขอโทษรักแม่นะ เต้ยแม่กับน้องอยู่ที่ท่าน้ำหลังบ้าน รักตุ้มรักเต้ย" โดยตนนั้นไม่ติดใจการเสียชีวิตของภรรยา โดยคาดว่าน่าจะเกิดจากการ เป็นห่วงและเครียดกับอาการป่วยของลูก เนื่องจาก เวลาลูกรักษาตัวที่โรงพยาบาลมักจะอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลาหลายเดือน จึงเป็นเหตุที่ ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
จากการสอบถามปริวัฒน์ แก้วกล่ำ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นนายจ้างของสามีผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ปกติครอบครัวผู้เสียชีวิต นี้จะมีนิสัยร่าเริงและรักกันมากไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน โดยสองสามีภรรยานั้น เท่าที่ทราบไม่เคย มีการทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัวหรือมีศัตรูกับใคร จึงไม่น่าเป็นการฆาตกรรมน่าจะเป็นการฆ่าตัวตายมากกว่า เพราะ คนเสียชีวิตผู้เป็นแม่นั้นน่าจะสงสารลูก ที่ต้องไปรักษาตัว อยู่บ่อยครั้งและเป็นระยะเวลานาน และผู้เสียชีวิตไม่สามารถไปเฝ้าลูกได้อาจจะเป็นเพราะความคิดถึง จึงได้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองกับลูกโดยวิธีดังกล่าว
พ.ต.อ.มงคล โท้เป๋า ผู้กำกับการ สภ.บ้านสร้าง ที่เดินทางมายังที่เกิดเหตุได้ให้ข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองนั้นเป็นแม่ลูกกัน จากการสอบถามสามีของผู้เสียชีวิต และเพื่อนบ้าน ให้ข้อมูลตรงกันว่า ผู้เสียชีวิตทั้งคู่น่าจะเกิดจากการที่ลูกคนเล็กที่ป่วยนั้นมีอาการป่วยหนัก แล้วต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง และบางครั้งรักษาตัวอยู่เป็นเวลานานโดยครั้งล่าสุดนั้นรักษาตัวที่โรงพยาบาล 3 เดือน เพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้เพียงแค่ 3 วัน แล้วจากการสอบถามสามีผู้เสียชีวิต ที่รับจ้างทั่วไปนั้น ไปเล่าให้ฟังว่า ล่าสุดเจอกันเมื่อเช้านั้นยังปกติ แล้วจะไม่ออกไปทำงานจนกลับมาแล้วไม่พบภรรยา จึงออกตามหาและพบเป็นศพอีกทั้งยังพบจดหมายลาตายที่เป็นลายมือของภรรยาที่เขียนไว้ โดย หลักฐานและพยานในเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพสองแม่ลูกดังกล่าวแล้วไม่พบ การทำร้ายร่างกายหรือบาดแผลใดๆ ประกอบด้วยหลักฐานที่มีจดหมายที่ยืนยันจากลูกคนโตว่าเป็นลายมือของแม่ และทางสามีของผู้เสียชีวิตไม่ติดใจกันไป ทางเจ้าหน้าที่จึงมอบให้ญาติไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป
ข่าว-ภาพ สายชล หนูแดง อลลกรณ์ คุณกิตติมานนท์ /ปราจีนบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง