ข่าว

ส.ส. ก้าวไกล ซัด "สสส." ใช้งบ 4 พันล้าน ทำงานเหมือนแดนสนธยา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

2 ส.ส. ก้าวไกล ชำแหละรายงานประจำปี "สสส." ชี้เหมือนแดนสนธยา ใช้งบประมาณเก่ง แต่จัดการปัญหายาสูบไม่ประสบผลสำเร็จ

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายรายงานประจำปีของ "สสส." ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (15 ธ.ค.) ระบุว่า สังคมไทยเริ่มมีการแสดงความคิดเห็นเป็น 2 ฝ่ายคือฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า แต่ในรายงานของ "สสส." ยังคงยืนกระต่ายขาเดียวต่อต้านเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย และนำเสนอแต่ข้อมูลที่ผิด ๆ ที่พูดถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าและการเกิดนักสูบหน้าใหม่

 

ซึ่งตนเห็นว่า สสส. พูดความจริงไม่หมด เพราะมีงานวิจัยในต่างประเทศอีกจำนวนมากที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ สสส. รายงาน เช่น ประเทศอังกฤษ ที่กำลังศึกษาเพื่อใช้บุหรี่ไฟฟ้าทางการแพทย์เพื่อช่วยให้ผู้ติดบุหรี่เลิกบุหรี่ได้ นอกจากนี้ ผมยังได้ยินประสบการณ์ตรงจากคนรอบข้างที่เคยสูบบุหรี่มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นที่บอกว่าเมื่อเปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ทำให้ไม่สามารถกลับไปสูบบุหรี่ได้อีก”

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อโลกมีทางเลือกใหม่ ประเทศไทยก็จำเป็นต้องศึกษาอย่างรอบด้านนำผลวิจัยมาถกเถียงกันอย่างมีเหตุผลและหาวิธีป้องกันเยาวชน  เช่น การห้ามการแต่งกลิ่นน้ำยานิโคติน ศึกษาวิจัยสารปนเปื้อน และทำให้เป็นวิทยาศาสตร์ แทนที่จะยกงานวิจัยของฝ่ายเดียวมาพูด แล้วอ้างตรรกะผิดๆ ว่างานวิจัยของฝ่ายตรงข้ามได้รับทุนวิจัยจากบริษัทบุหรี่

 

ปัจจุบันมี 35 ประเทศที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า แต่อีก 73 ประเทศก็อนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าภายใต้การควบคุมได้ และไม่มีใครเรียกร้องให้เปิดเสรีบุหรีไฟฟ้า มีแต่เรียกร้องให้ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและเก็บภาษีและมีมาตรการควบคุมที่เหมาะสมเช่นเดียวกับบุหรี่มวน เช่นการควบคุมอายุขั้นต่ำ การควบคุมปริมาณ สารนิโคติน ความปลอดภัย และการจัดประเภทให้ถูกต้อง”

แต่ในรายงานของ "สสส." ยังคงยืนกระต่ายขาเดียวต่อต้านเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายและนำเสนอแต่ข้อมูลที่ผิด ๆ ที่พูดถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าและการเกิดนักสูบหน้าใหม่ ซึ่งตนเห็นว่า "สสส." พูดความจริงไม่หมด เพราะมีงานวิจัยในต่างประเทศอีกจำนวนมากที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ "สสส." รายงาน เช่น ประเทศอังกฤษ ที่กำลังศึกษาเพื่อใช้บุหรี่ไฟฟ้าทางการแพทย์เพื่อช่วยให้ผู้ติดบุหรี่เลิกบุหรี่ได้ นอกจากนี้ ผมยังได้ยินประสบการณ์ตรงจากคนรอบข้างที่เคยสูบบุหรี่มาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นที่บอกว่าเมื่อเปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ทำให้ไม่สามารถกลับไปสูบบุหรี่ได้อีก”

 

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อโลกมีทางเลือกใหม่ ประเทศไทยก็จำเป็นต้องศึกษาอย่างรอบด้าน นำผลวิจัยมาถกเถียงกันอย่างมีเหตุผล และหาวิธีป้องกันเยาวชน เช่น การห้ามการแต่งกลิ่นน้ำยานิโคติน ศึกษาวิจัยสารปนเปื้อน และทำให้เป็นวิทยาศาสตร์ แทนที่จะยกงานวิจัยของฝ่ายเดียวมาพูด แล้วอ้างตรรกะผิดๆ ว่างานวิจัยของฝ่ายตรงข้ามได้รับทุนวิจัยจากบริษัทบุหรี่ ปัจจุบันมี 35 ประเทศที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า

 

แต่อีก 73 ประเทศก็อนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าภายใต้การควบคุมได้ และไม่มีใครเรียกร้องให้เปิดเสรีบุหรีไฟฟ้า มีแต่เรียกร้องให้ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและเก็บภาษีและมีมาตรการควบคุมที่เหมาะสมเช่นเดียวกับบุหรี่มวน เช่นการควบคุมอายุขั้นต่ำ การควบคุมปริมาณ สารนิโคติน ความปลอดภัย และการจัดประเภทให้ถูกต้อง

 

อยากตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของ "สสส." ที่ให้ทุนงานวิจัยที่เป็นลบหรือศึกษาความอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้น บางงานวิจัยที่ต้องการศึกษาอย่างเป็นกลางว่ามี harm reduction หรือไม่กลับไม่ได้รับทุน จึงอยากขอให้เปิดเผยโครงการงานวิจัยที่ได้รับทุนและที่มาขอทุนและตั้งคำถามว่าอีก 70 กว่าประเทศที่เขาอนุญาตบุหรี่ไฟฟ้าขายได้ตามกฎหมายนั้นได้รับทุนข้ามชาติหรือถูกล๊อบบี้จากบริษัทเหล่านี้หรือไม่และยังต้องตั้งคำถามว่า "สสส." ที่ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าขณะนี้ถูกล๊อบบี้จากใคร

 

ด้านหมอเอก นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส. เชียงราย ระบุว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ผมได้อภิปรายรายงานของ "สสส." เกี่ยวกับความโปร่งใสในการทำงานของ "สสส." เพราะที่ผ่านมา 20 ปีทำงานโดยไม่มีความโปร่งใสเลย "สสส." ทำตัวเหมือนแดนสนธยา ใช้งบประมาณ 4 พันล้านบาทเทียบเท่า1 กระทรวง ใช้เงินโดยไม่ผ่านสภาและไม่มีคนนอกมากำกับดูแล  และไม่สามารถหาข้อมูลว่า "สสส." ให้งบประมาณกับใคร หน่วยงานไหนไปแล้วบ้าง ก็ไม่สามารถหาข้อมูลได้ ผมจึงตั้งใจมาช่วยล้างบางมาเฟียใน "สสส."

ส.ส. ก้าวไกล ซัด "สสส." ใช้งบ 4 พันล้าน ทำงานเหมือนแดนสนธยา

ส.ส. เอกภพ ยกตัวอย่างการทำงานด้านยาสูบของ "สสส." โดยอภิปรายต่อว่าการจัดการยาสูบเป็นงานหลัก งานเด่นของ "สสส." แต่จำนวนผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยแทบไม่ได้ลดลงเลย "สสส." ใช้งบประมาณรณรงค์เรื่องนี้ปีละประมาณกว่า 300 ล้านบาท 10 ปี ก็ 3,000 ล้านบาท

 

นอกจากนี้เรื่องยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้าสังคมให้ความสนใจหลังจากรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอสพูดเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าก็มีกระแสจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ "สสส." ออกมาต่อต้าน ตำหนิและโจมตี ล่าสุดเอฟดีเอของสหรัฐที่นำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาอยู่ในการควบคุม มีการพูดถึงเรื่องการลดพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าเรื่อง harm reduction และยืนยันว่าผลดีจากการเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าของผู้ที่สูบยาสูบอยู่แล้ว มีน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดของเยาวชน และไม่ได้เป็นประตูทางเข้าสู่บุหรี่มวนของเยาวชน

 

โดยมีการจัดการเรื่องรสชาติและการเย้ายวน ขณะที่ประเทศไทย แบนก็จริงแต่ปล่อยให้ขายทางออนไลน์ และยังมีองค์กรที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับ "สสส." เหิมเกริม เข้ามาก้าวก่ายการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรทั้ง ๆ ที่คนเหล่านี้เข้ามานั่งเป็นกรรมาธิการ แต่กลับไม่ยอมรับรายงานของกรรมาธิการ  ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจพบเจอความผิดปกติจากผู้รับทุนของ "สสส." มีคนนั่งเป็นผู้ร่างกฎหมาย "สสส." แล้ว ยังไปนั่งเป็น regulator และรับทุนจาก "สสส."เองด้วย  มีหน่วยงานวิจัยที่ตั้งธงการวิจัยไว้แล้ว จึงขอให้ผู้จัดการกองทุน สสส. ไปดำเนินการต่อเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในรายงานครั้งต่อไป

 

ทั้งนี้ "สสส." ได้รับเงินบำรุงจากภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะหรือ Earmarked Tax ที่รัฐจัดเก็บจากสินค้าสุราและยาสูบในอัตราร้อยละ 2 ของภาษีสรรพสามิต เพื่อนำมาขับเคลื่อนกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพในสังคมไทยโดยในปีที่ผ่านมา สสส. ได้รับเงินสนับสนุนเป็นจำนวน 4,095 ล้านบาทแต่ถูกสังคมตั้งคำถามถึงความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมและเรื่องความโปร่งใสมาโดยตลอด

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ