"ก้าวไกล" ผิดหวังสภาคว่ำร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช.
"ก้าวไกล" ผิดหวังสภาคว่ำร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช. "โรม" ระบุส.ส.ซีกรัฐบาลควรส่องกระจกมองตัวเอง ชี้เป็นมติประวัติศาสตร์ขัดขวางประเทศเดินหน้า ถามประชาชนหรือเผด็จการที่เลือกมาเป็น ส.ส.?
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ, พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ, นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.เขต 4 จ.ฉะเชิงเทรา, นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล เเถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่รับหลักการ ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ นายจอน อึ้งภากรณ์ เเละประชาชน 12,609 คน ร่วมกันเข้าชื่อ รวมถึงร่าง ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. ที่นายปิยบุตร เเสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ พร้อมคณะที่เคยเสนอไว้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ขอยืนยันในเบื้องต้นว่าร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ เป็นร่างกฎหมายที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ในร่างของภาคประชาชนมีเนื้อหายกเลิกคำสั่ง 35 ฉบับ และในร่างของอดีตพรรคอนาคตใหม่ยกเลิกจำนวน 17 ฉบับ แน่นอนว่าเมื่อพิจารณาเเล้วยังมีคำสั่งที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ โดยมีทั้ง 3 หมวดหมู่ ในหมวดหมู่แรกคือการละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน โดยเฉพาะคำสั่งที่ 3/2558 ที่มีเพื่อนสมาชิกจากรัฐบาลเเละฝ่ายค้านจำนวนมากที่ถูกเรียกตัว โดยรวมถึงการอุ้มหาย การเสียชีวิต การละเมิดสิทธิมนุษยชนเเละหมวดที่ 2 ในการออกกฎหมายเฉพาะ อาทิ เรื่องผังเมือง เเละกรณี EEC รวมไปถึงนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เเละหมวดหมู่ที่สาม คือเกี่ยวกับพี่น้องชายที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ อาทิ นโยบายทวงคืนผืนป่า ซึ่งในปัจจุบันมีคดีที่รอการพิจารณากว่า 10,000 คดี เเละมีประชาชนที่ถูกดำเนินคดีไม่น้อยกว่า 30,000 คน
“ในการลงมติในร่าง พ.ร.บ.ของภาคประชาชน มีเพื่อนสมาชิกที่ไม่รับหลักการ 230 คน เเละรับหลักการ 161 คน ส่วนในร่างของอดีตพรรคอนาคตใหม่ มีเพื่อนสมาชิกที่ไม่รับหลักการ 229 คน รับหลักการ 156 คน เราผิดหวังเเต่ไม่ผิดคาด จากกรณีการอภิปรายของเพื่อนสมาชิกที่ผ่านมาทั้งหมด 28 คน เราจะเห็นว่า ไม่มีเพื่อนสมาชิกคนใดที่กล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่ทว่าเมื่อลงมติผลกลับออกมาเป็นอีกอย่าง เรารู้สึกผิดหวังที่เกิดขึ้นในสภาแห่งนี้ แต่เราไม่ผิดคาด อย่างไรก็ตาม เราต้องการตอกย้ำและเดินหน้าในการรื้อมรดก คสช. รื้อระบอบประยุทธ์ทั้งหมดต่อไป แต่พวกเราไม่อาจเดินทางเพียงลำพังได้ หากไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน" ณัฐวุฒิ กล่าว
ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ผิดหวังต่อมติที่เกิดขึ้น ในความตั้งใจที่เราอยากจะเห็นการประกาศหรือยกเลิกคำสั่ง คสช. เราเชื่อว่านี่คือการถอดสลักปัญหาที่ค้างคาในสังคมไทย ซึ่งนอกจากพี่น้องประชาชนจะได้รับผลกระทบเเล้ว ยังเพื่อนสมาชิกถึง 52 คน ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าวเช่นเดียวกัน ซึ่งเราหวังว่าการอภิปรายในสัปดาห์ที่เเล้วของเราจะช่วยเตือนสติ ถึงความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งที่ ส.ส.เหล่านี้เคยรู้สึกในวันที่ได้รับความเดือดร้อน ถูกจับกุม ถูกควบคุม ถูกปิดปากไม่ให้พูด และเราหวังว่าเสียงของพี่น้องประชาชนที่พูดผ่านเรา จะดังไปถึง ส.ส.ซีกรัฐบาล นำมาซึ่งการลงมติที่จะถอดสลักและจะทำให้ประชาธิปไตยเดินหน้าอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็มีบางคนที่เคยได้รับผลกระทบนั้นโหวตไม่รับหลักการ แน่นอนว่าบรรดาคำสั่งและประกาศ คสช. อาจจะไม่มีเท่าเดิมในสมัย คสช.เรืองอำนาจ แต่ต้องยอมรับว่าบรรดาประกาศคำสั่งจำนวนมากก็รอวันที่จะมีคนหยิบมาใช้ แล้วเอานำมาใช้กับประชาชนได้อีกครั้ง ไม่มีเหตุผลใดเลยที่เราในฐานะที่ถูกพี่น้องประชาชนเลือกมาจะคว่ำร่างที่จะยกเลิกคำสั่งและประกาศของ คสช.
"นี่ยังไม่ต้องนับว่าในการที่ท่านใช้วิธีการลงมติ โดยไม่มีการอธิบาย ไม่สื่อสารให้พี่น้องประชาชนทราบ ร่างดังกล่าวของภาคประชาชนเเละอดีตพรรคอนาคตใหม่ ยื่นเข้าสู่สภากว่า 2 ปี ซึ่งท่านมีเวลาที่จะอธิบายกับพี่น้องประชาชน แต่ในวันที่พี่น้องประชาชนตั้งคำถาม ในวันที่ประชาชนต้องการที่จะเห็นร่างดังกล่าวเพื่อยกเลิกประกาศเเละคำสั่ง คสช. สิ่งที่ท่านตอบกับพี่น้องประชาชนคือเงียบ เเละลงมติเลย ผมต้องการให้ประชาชนตรวจสอบว่านักการเมืองคนไหน ส.ส.คนไหน คือคนที่ขัดขวาง ตรวจสอบว่าผู้แทนราษฎรคนไหน ไม่ยอมให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตย อยากให้พวกเขาเหล่านั้นกลับไปจดจำความรู้สึกที่เคยถูกกระทำ ตอนที่พวกเราได้รับความเดือดร้อนในสมัยยุคคสช. รังแกพวกเราเเละรังเเกประชาชน หากเราไม่เอาความรู้สึกเหล่านั้นมาใส่ใจในหัวใจของเรา คิดว่าการทำหน้าที่เป็นผู้เเทนราษฎรที่ดีคงไม่อาจเกิดขึ้นได้ ผมเชื่อว่าการลงมติครั้งนี้ เป็นการลงมติในประวัติศาสตร์ คนที่ขัดขวางไม่ให้ร่างดังกล่าวผ่านไปได้ จะถูกจดจำ ในฐานะของคนที่ขัดขวางระบอบประชาธิปไตย ขัดขวางประเทศไทยไม่ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้" นายรังสิมันต์ ย้ำ
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า อยากให้ส่องกระจกเเล้วถามตัวเองว่า ใครเป็นคนเลือกท่านมา ท่านไม่ได้มาจาก คสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่เป็นคนที่เลือกท่านเข้าสภามา คนที่เลือกท่านคือประชาชน ถ้าส่องกระจกเเล้วจำได้ ก็ขอให้เดินหน้าทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรต่อไป หากท่านจำไม่ได้ ประชาชนก็จะจำท่านไม่ได้เช่นกัน นี่คือผลกรรมที่ท่านเลือกไม่ฟังเสียงประชาชน
ขณะที่ นายจิรัฐฏ์ กล่าวว่า ตนเองขอเรียกร้องให้ ส.ส.รัฐบาลรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น ต้องอธิบายว่าเหตุผลอะไรทำไมไม่เห็นด้วยกับการไม่รับหลักการร่างกฎหมายยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. หรือถ้าหากเห็นด้วยก็ต้องอธิบายเช่นกัน การลงมติในทุกครั้งท่านต้องอธิบายให้ได้ เพราะมันมีผลต่อพี่น้องประชาชน เนื่องจากเราเป็นตัวแทนของประชาชนในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ เราเคยอยู่ในยุคผู้มีอำนาจเหนือประชาชน เเล้วเหตุใดเราถึงไม่ให้คำสั่งของผู้อำนาจเผด็จการเหล่านั้นถูกยกเลิก
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาลงมติร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคสช.และคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ตามที่นายจอน อึ๊งภากรณ์ กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 12,609 คน เป็นผู้เสนอ และร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นผู้เสนอ ในวาระรับหลักการ ที่ตกค้างการพิจารณามาจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ที่ประชุมลงมติไม่เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคสช. ฉบับที่นายจอนเป็นผู้เสนอด้วยคะแนน 234 ต่อ 162 งดออกเสียง 3 ไม่ลงคะแนน 1 และลงมติไม่เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคสช. ฉบับที่นายปิยบุตร เป็นผู้เสนอด้วยคะแนน 229 ต่อ 157 คะแนน งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 2 ถือว่าที่ประชุมสภาฯไม่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ฯทั้ง 2 ฉบับ